EIC แนะกลยุทธ์ธุรกิจโรงแรมฝ่ามรสุม COVID-19
สถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวไทยที่ท่องเที่ยวภายในประเทศหดตัวลงอย่างมาก จากการที่หลายประเทศได้ดำเนินมาตรการห้ามประชาชนเดินทางเข้า-ออกประเทศ ความกังวลของนักท่องเที่ยวต่อการระบาดของโรค COVID-19 รวมถึงการที่สายการบินจำนวนมากหยุดทำการบินชั่วคราวโดยเฉพาะในเดือนมีนาคมต่อเนื่องถึงไตรมาสที่ 2 ก่อนที่จำนวนนักท่องเที่ยวจะเริ่มฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ในช่วงที่เหลือของปี 2020 หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทั่วโลกเริ่มคลี่คลายแต่ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติตราบที่ยังไม่มีวัคซีน
จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและไทยที่หดตัวลง ทำให้ EIC คาดว่าค่าห้องพักเฉลี่ย ต่อห้องพักที่ขายได้ (RevPAR) ของธุรกิจโรงแรมไทยจะลดลง 55-65% ในปี 2020 ซึ่งจะทำให้โรงแรมเกือบทุกแห่งประสบกับภาวะขาดทุนจากการดำเนินงาน
3 กลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับธุรกิจโรงแรมในภาวะที่จำนวนนักท่องเที่ยวหดตัวลงอย่างมาก ได้แก่ 1) การเพิ่มรายได้จากช่องทางอื่น 2) การลดค่าใช้จ่าย และ 3) การชะลอค่าใช้จ่ายออกไป นอกจากนี้ ภายหลังจากที่โรค COVID-19 หยุดแพร่ระบาด ผู้ประกอบการอาจเพิ่มช่องทางการหารายได้จากส่วนบริการอื่น ๆ ของโรงแรมเพื่อลดการพึ่งพารายได้ค่าห้องพักในกรณีที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหดตัวลงอีกในอนาคต
สถานการณ์ของโรค COVID-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลกทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวไทยในปี 2020 หดตัวลงอย่างมาก โดยตั้งแต่ที่โรค COVID-19 เริ่มแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีนในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์จนรัฐบาลจีนต้องดำเนินมาตรการไม่อนุญาตให้บริษัทนำเที่ยวสัญชาติจีนนำนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์จีนเดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2020 เป็นต้นมา จำนวนผู้โดยสารต่างชาติขาเข้าผ่านสนามบินหลัก 5 แห่งของไทย ก็หดตัวลงในทันที โดยมีอัตราการหดตัวที่ระดับประมาณ 45-50%YOY ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนที่จำนวนผู้โดยสารต่างชาติฯ จะหดตัวลงรุนแรงขึ้นอีกครั้งหลังจากที่สถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 เริ่มขยายวงกว้างขึ้นในประเทศหรือภูมิภาคอื่น ๆ ของโลกนอกเหนือจากจีน อาทิ เกาหลีใต้ อิหร่าน กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป รวมไปถึงสหรัฐอเมริกา ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดในจีนลดความรุนแรงลงมาก (รูปที่ 1) ในขณะที่สถานการณ์การระบาดในไทยเริ่มเร่งตัวขึ้นในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2020 เรื่อยมา ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ผู้ที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ กลุ่มผู้ติดเชื้อจากสถานบันเทิงและสนามมวย
รูปที่ 1 : จำนวนผู้โดยสารต่างชาติขาเข้าผ่านสนามบินหลักของไทย 5 แห่ง หดตัวลงสอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ที่ขยายวงกว้างขึ้นทั่วโลก
ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ WHO, NHC, CDC, ECDC และสำนกงานตรวจคนเข้าเมือง
ในกรณีฐาน (base case) EIC คาดการณ์ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยในปี 2020 จะหดตัวลง 67%YOY จาก 39.8 ล้านคนในปี 2019 เหลือเพียง 13.1 ล้านคน จากการที่รัฐบาลของหลายประเทศดำเนินมาตรการห้ามประชาชนของตนเองเดินทางออกนอกประเทศ การยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมากของสายการบินทั่วโลก และความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ตราบที่ยังไม่มีการผลิตยาต้านไวรัสหรือวัคซีนเพื่อทำการรักษาและป้องกันโรคอย่างเฉพาะเจาะจง นอกจากนี้ สภาวะศรษฐกิจที่โลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของชาวต่างชาติ และส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติในท้ายที่สุด โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจเลือกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของตนเอง หรือในประเทศละแวกใกล้เคียงภายในภูมิภาคของตนเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางลง
รูปที่ 2 : อัตราการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2020 ในกรณีต่าง ๆ
ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นอกจากนี้ EIC ยังคาดว่าจำนวนทริปค้างคืนภายในประเทศของนักท่องเที่ยวไทยจะหดตัวลง 35%YOY จากจำนวน 130 ล้านทริปในปี 2019 มาอยู่ที่ 85 ล้านทริปในปี 2020 จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ภายในประเทศซึ่งทำให้ประชาชนงดเว้นกิจกรรมการท่องเที่ยว สังสรรค์และสันทนาการ รวมถึงการหยุดชะงักของสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน เช่น การเลิกจ้าง การให้หยุดงานชั่วคราวโดยไม่จ่ายค่าจ้าง และการลดค่าจ้างลงชั่วคราว ซึ่งต่างก็ทำให้รายได้ของคนไทยลดลงและทำให้การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศลดลงในที่สุด
รูปที่ 3 : จำนวนทริปค้างคืนของนักท่องเที่ยวไทยลดลงจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโรค COVID-19 ภายในประเทศ และรายได้คนไทยที่ลดลงอย่างฉับพลัน
ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ทั้งนี้จำนวนทริปค้างคืนของนักท่องเที่ยวไทยที่หดตัวลงจะส่งผลกระทบซ้ำเติมต่อธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่หวังจะพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวไทยเพื่อประคับประคองธุรกิจในช่วงที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติหดตัวลงอย่างรุนแรงดังเช่นในปัจจุบันจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่หดตัวลง ทำให้ EIC คาดว่าค่าห้องพักเฉลี่ยต่อห้องพักที่ขายได้ (Revenue per Available Room, RevPAR) เฉลี่ยของธุรกิจโรงแรมไทยจะลดลง 55-65%YOY ในปี 2020 โดยคาดว่าอัตราการเข้าพัก (Occupancy rate) เฉลี่ยทั่วประเทศของปี 2020 จะลดลงราว 35-40% ในขณะที่ค่าห้องพักเฉลี่ย (Average room rate) จะลดลง 20-25% ซึ่งจะทำให้โรงแรมเกือบทุกแห่งประสบกับสภาวะขาดทุนจากการดำเนินงานและอาจมีโรงแรมบางแห่งจำเป็นต้องปิดกิจการ โดยเฉพาะโรงแรมขนาดกลาง-เล็กที่มีเงินทุนไม่มากนักและไม่สามารถทนต่อสภาวะขาดสภาพคล่องติดต่อกันได้ยาวนานหลายเดือน นอกจากนี้ โรงแรมบางแห่งอาจเลือกที่จะหยุดให้บริการชั่วคราวเพื่อลดค่าใช้จ่ายและผลขาดทุนจากการดำเนินงานให้น้อยที่สุดในสภาวะที่รายได้ค่าห้องพัก (room revenue) และรายได้จากบริการอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ห้องพัก (non-room revenue) เช่น ภัตตาคาร ห้องประชุมสัมมนา ห้องจัดเลี้ยง สปา ฟิตเนสเซ็นเตอร์ ฯลฯ มีการหดตัวลงอย่างมากจนไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพิ่มเติมจากการเปิดให้บริการ
ในปัจจุบัน โรงแรมหลายแห่ง ได้รักษาสภาพคล่องและสภาพการดำเนินงานของธุรกิจระหว่างรอให้จำนวนนักท่องเที่ยวและผู้เข้าพักกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ผ่าน 3 แนวทางหลัก ดังนี้
1) การสร้างรายได้และสภาพคล่องจากการบริการที่มีอยู่ในโรงแรม เช่น
- การลดค่าห้องพักลงอย่างมากเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยในช่วงก่อนที่โรค COVID-19 จะระบาดในไทย
- การให้บริการอาหารแบบสั่งกลับบ้านและบริการ food delivery
- การให้บริการห้องพักและบริการอื่น ๆ ที่จำเป็นแก่ประชาชนทั่วไปที่ต้องการแยกอยู่อาศัยจากครอบครัวเพื่อกักกันโรคโดยคิดค่าห้องพักเป็นรายสัปดาห์
- การให้บริการห้องพักแก่ผู้ป่วยโรค COVID-19 ที่มีอาการไม่รุนแรงตามโครงการของกระทรวงสาธารณสุข
2)การลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น
- การปิดพื้นที่ให้บริการบางส่วนหรือหยุดให้บริการชั่วคราวเพื่อลดต้นทุนในการดำเนินงานต่าง ๆ
3)การชะลอค่าใช้จ่ายบางประเภทออกไป เช่น
- การยกเลิกการจ้างบริษัทที่ปรึกษาภายนอก
- การเจรจาขอยืดเวลาการผ่อนชำระสินเชื่อกับธนาคารพาณิชย์
นอกจากนี้ ธุรกิจโรงแรมที่มีการสำรองเงินทุนหรือสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อาจเร่งดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาโรงแรมในช่วงที่ผู้ใช้บริการมีจำนวนน้อย ซึ่งทำให้ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการปิดห้องพักหรือพื้นที่บางส่วนเพื่อปรับปรุงโรงแรมลดต่ำลงกว่าในสภาวะปกติ รวมถึงการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในช่วงหลังจากที่การระบาดของโรค COVID-19 บรรเทาความรุนแรงลง และจำนวนผู้เข้าพักเริ่มฟื้นตัวขึ้น นอกเหนือจากผลกระทบจากโรค COVID-19 แล้ว ธุรกิจโรงแรมของไทยจะยังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากปริมาณห้องพักใหม่ที่จะเร่งตัวในอนาคต จากข้อมูลพื้นที่อนุญาตก่อสร้างอาคารประเภทโรงแรมและรีสอร์ต ทั่วประเทศของสำนักงานสถิติแห่งชาติและสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร พบว่าพื้นที่อนุญาตก่อสร้างอาคารประเภทโรงแรมและรีสอร์ตทั่วประเทศในปี 2019 เพิ่มขึ้น 12%YOY จากระดับประมาณ 2.1 ล้านตารางเมตรในปี 2018 มาอยู่ที่ 2.4 ล้านตารางเมตรในปี 2019 ซึ่งถือระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 และถือเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยพื้นที่อนุญาตก่อสร้างฯ ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาตใต้และภาคตะวันออก ซึ่งสอดคล้องกับตำแหน่งที่ตั้งของเมืองท่องเที่ยวหลักของไทย
รูปที่ 4 : พื้นที่อนุญาตก่อสร้างอาคารประเภทโรงแรมและรีสอร์ตทั่วประเทศในปี 2019 ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง
ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ และสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้หากพิจารณาข้อมูลพื้นที่อนุญาตก่อสร้างฯ เป็นรายจังหวัดจะพบว่า จ.ภูเก็ตมีพื้นที่อนุญาตก่อสร้างฯ สูงที่สุดในปี 2019 และมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นผลจากการที่กฎหมายผังเมืองรวม จ.ภูเก็ต ฉบับใหม่ (อยู่ระหว่างกระบวนการร่าง) มีแนวโน้มที่จะนำหลักเกณฑ์อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน (Floor area ratio, FAR) มาบังคับใช้เป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นข้อจำกัดในการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในอาคารเนื่องจากกฎหมายผังเมืองรวม จ.ภูเก็ต ฉบับปัจจุบันมีการกำหนดเพียงความสูงของอาคารเท่านั้น ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงมีการเร่งยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคารประเภทโรงแรมและรีสอร์ตตามกฎหมายผังเมืองฉบับปัจจุบันไว้ก่อน แล้วรอติดตามแนวโน้มของกฎหมายผังเมืองรวม จ.ภูเก็ต ฉบับใหม่ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วงปี 2021-2022 (พ.ศ. 2564-2565) โดยใบอนุญาตก่อสร้างอาคารจะมีอายุ 2 ปีนับจากวันที่ราชการออกให้ และสามารถต่ออายุได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ปี รวมมีอายุทั้งหมด 6 ปี
อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวและผู้เข้าพักทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่หดตัวลงอย่างมากจากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 อาจทำให้โรงแรมที่วางแผนเปิดให้บริการในปี 2020-2021 มีเวลาปรับแผนการก่อสร้างการออกแบบตกแต่งภายใน หรือการเลื่อนกำหนดการเปิดให้บริการออกไปเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานและติดตามสถานการณ์ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอีกครั้ง
ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติและสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ ปริมาณห้องพักหรือที่พักแรมประเภทอื่นที่นำเสนอทางเลือกใหม่ ๆ ในการพักแรม เช่น บ้านพักแบบ pool villa ที่สามารถรองรับผู้เข้าพักได้เป็นจำนวนมาก รวมไปถึงห้องพักที่ให้เช่าผ่านแพลตฟอร์ม Vacation rentals เช่น Airbnb ก็เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่องในเมืองท่องเที่ยวหลักเกือบทุกแห่งของไทยและเข้ามาแข่งขันกับธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตทั่วไปมากขึ้น (รูปที่ 5) ซึ่งห้องพักทั้งสองประเภทดังกล่าวกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่และกลุ่มครอบครัว เนื่องจากห้องพักประเภทนี้มักมีราคาต่อหัวที่ต่ำกว่าหรือใกล้เคียงกับโรงแรมหรือรีสอร์ตทั่วไป และมีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างเข้าพักร่วมกันอย่างเป็นส่วนตัว ทั้งนี้โดยสัดส่วนจำนวนห้องพักประเภทนี้ต่อจำนวนห้องพักทั้งหมดในสูงถึง 20-25% ในบางเมืองของแหล่งท่องเที่ยว
รูปที่ 5 : สัดส่วนจำนวนห้องพักที่ให้เช่าผ่านแพลตฟอร์ม vacation rentals อาจสูงถึง 20-25%
ของจำนวนห้องพักทั้งหมดในบางเมืองท่องเที่ยว
ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ AirDNA
ตารางสรุปประเด็นที่สำคัญรายจังหวัด/แหล่งท่องเที่ยว
กรุงเทพฯ
• จำนวนนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวชะลอลง ในขณะที่ปริมาณห้องพักใหม่เร่งขึ้น ส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยเริ่มไม่ขยายตัวในปี 2019 หลังจากที่เพิ่มขึ้นติดต่อกันมาเป็นระยะเวลาหลายปี
เชียงใหม่
• ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายนของทุกปีจะกระทบกับธุรกิจโรงแรมของเชียงใหม่ในระยะยาว
• กฎหมายผังเมืองรวม จ.เชียงใหม่ฉบับใหม่ (คาดว่าจะบังคับใช้ปี 2021-22) อาจเอื้อให้การพัฒนาธุรกิจโรงแรมทำได้สะดวกมากขึ้นกว่าในปัจจุบันที่ จ.เชียงใหม่มีกฎหมายผังเมืองซ้ำซ้อนกันหลายฉบับ
พัทยา
• พัทยาจะได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่จะหดตัวลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ตกต่ำลงอย่างมาก ดังที่เคยเกิดขึ้นในปี 2015 แต่จะมีนักท่องเที่ยวอินเดียเข้ามาชดเชย
• มีการลงทุนโรงแรมขนาดใหญ่หลายแห่งเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มประชุม-สัมมนา (MICE) ที่คาดว่าจะมีจำนวนมากขึ้นจากโครงการ EEC
ภูเก็ต
• แนวโน้มของกฎหมายผังเมืองรวม จ.ภูเก็ต ฉบับใหม่ที่จะเข้มงวดต่อการสร้างอาคารมากขึ้นทำให้ผู้ประกอบการเร่งยื่นขออนุญาตก่อสร้างโรงแรม รวมถึงเร่งการลงทุนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ภูเก็ตมีปริมาณห้องพักใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2020-2021
หัวหิน
• ธุรกิจโรงแรมในหัวหินเผชิญกับการแข่งขันจากที่พักแรมรูปแบบอื่น ๆ ทั้งบ้านพักประเภท pool villa และห้องชุดที่ให้เช่าผ่านแพลตฟอร์ม vacation rentals ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก
• การเพิ่มอัตราการเข้าพักในช่วงวันธรรมดาทำได้ลำบาก เนื่องจากกลุ่มผู้เข้าพักส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยซึ่งส่วนใหญ่นิยมท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
กระบี่
• จากกฎหมายผังเมืองรวม จ.กระบี่ฉบับล่าสุดที่มีการบังคับใช้ในช่วงปลายปี 2016 ซึ่งมีการจำกัดความสูงอาคารในพื้นที่ส่วนใหญ่ ทำให้ จ.กระบี่มีปริมาณห้องพักใหม่น้อยในขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติยังขยายตัวได้ ส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมใน จ.กระบี่
พังงา
• ผู้ประกอบการควรติดตามสภาวะเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปภายหลังจากโรค COVID-19 ที่อาจเข้ามาซ้ำเติมสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของยุโรปจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน
เกาะสมุย
• โรค COVID-19 ที่กำลังแพร่ระบาดได้เข้ามาซ้ำเติมสภาวะธุรกิจโรงแรมบนเกาะสมุยที่กำลังชะลอตัวจากประเด็นสงครามการค้าและการแข่งขันจากแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในต่างประเทศ
• ผู้ประกอบการควรติดตามสภาวะเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปภายหลังจากโรค COVID-19 ที่อาจเข้ามาซ้ำเติมสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของยุโรปจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน
EIC มองว่าธุรกิจโรงแรมควรปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจหลังจากที่เหตุการณ์การระบาดของโรค COVID-19 บรรเทาลง โดยเฉพาะในแง่การกระจายรายได้ เพื่อให้ธุรกิจมีการดำเนินงานที่ยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคต ทั้งนี้ผู้ประกอบการอาจพิจารณาถึงการเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวไทยเพื่อให้ธุรกิจมีความพร้อมเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่อาจกระทบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งไม่อาจ
คาดเดาได้ล่วงหน้า โดยอาจดำเนินกิจกรรมการตลาดผ่านช่องทางดิจิทัล สื่อโซเชียลมีเดีย รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการโรงแรมอาจมองถึงการกระจายรายได้โดยการสร้างรายได้จากส่วนบริการอื่น ๆ
ภายในโรงแรม (non-room revenue) เช่น การให้บริการอาหารแบบ food delivery และ catering แก่องค์กรภายนอก รวมถึงการเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกสามารถสมัครสมาชิกสปาและฟิตเนสเซ็นเตอร์เพื่อสร้างรายได้ประจำมากขึ้น
สอดรับกับเทรนด์ wellness lifestyle ของคนรุ่นใหม่
ภายหลังจากที่การระบาดของโรค COVID-19 บรรเทาลงและการจองห้องพักเริ่มกลับมาอีกครั้ง ผู้ประกอบการควรทำความสะอาดพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ภายในโรงแรม พร้อมทั้งสื่อสารกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและผู้ที่จองห้องพักเกี่ยวกับการทำความสะอาดของโรงแรม รวมถึงกลไกและมาตรฐานการดูแลสุขลักษณะที่เหมาะสมในการให้บริการ เช่น การบริการห้องอาหาร กิจกรรมนันทนาการต่าง ๆ เป็นต้น เพื่อให้ผู้เข้าพักมั่นใจว่าโรงแรมมีความสะอาดและเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับโรงแรม
บทวิเคราะห์จาก… https://www.scbeic.com/th/detail/product/6759
ผู้เขียนบทวิเคราะห์ : ปุลวัชร ปิติไกรศร (pullawat.pitigraisorn@scb.co.th)
นักวิเคราะห์ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
EIC Online: www.scbeic.com Line: @scbeic