ยื่นกู้สินเชื่อจากธนาคาร อย่างไรให้ผ่าน โอกาสที่ทุกคนสร้างได้
ในขั้นตอนนี้ มีหลายท่านที่เจอปัญหาในการกู้ ไม่ว่าจะกู้ไม่ผ่านเพราะติดขัด ในขั้นตอนการยื่นเอกสาร หรือว่าเครดิตไม่พอ หรือหลายท่านก็มาพบว่าตัวเองติดเครดิตบูโร ขึ้นบัญชีดำก็มี ก่อนอื่น ควรสำรวจว่าธนาคารไหนบ้างที่สามารถให้เรากู้เงินได้ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำสุด เพราะธนาคารแต่ละที่จะมีอัตราดอกเบี้ยและวงเงินให้กู้ที่แตกต่างกันไป จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับเครดิตของเราอย่างเดียวเท่านั้น แล้วยังขึ้นอยู่กับว่า เราจะกู้ไปทำอะไร ถ้าเพื่อไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แล้วเครดิตเราไม่ค่อยดีนัก ธนาคารก็จะตรวจสอบองค์ประกอบเพิ่มกลายเป็นว่าหลายท่านขอกู้ไม่ผ่านแล้วเหตุผลคลาสสิกที่สุดทางธนาคารมักให้มาก็คือ คุณสมบัติของคุณไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคาร หรือสถาบันการเงินจะอนุมัติให้กู้ หรือขอสินเชื่อได้ ทีนี้เราต้องทำยังไงบ้างจึงจะกู้ผ่านได้ ผมขอสรุปเป็นขั้นตอนดังนี้
แสดงให้ธนาคารเห็นว่าเรามีวินัยในการบริหารการเงิน
ธนาคารหรือสถาบันทางการเงินจะยอมอนุมัติเงินกู้ให้กับผู้ขอกู้ได้ก็เพราะได้ตรวจสอบรายงานข้อมูลเครดิตจากผู้ขอกู้ว่ามีวินัยมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะประเมินจากข้อมูลจาก บริษัทข้อมูลเครดิตกลาง หรือ เครดิตบูโร เรื่องวินัยทางการเงินนี้ ขอแนะนำให้ทุกท่านที่เครดิตมีปัญหา หรือไม่มีเงินสดสำหรับลงทุน ต้องสร้างวินัยทางการเงินให้ได้ดีที่สุดในระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งทางธนาคารถือว่าเป็นข้อมูลใหม่ล่าสุดของท่านที่นิยมกันมากคือผู้ขอกู้มักจะทำให้มีเงินรายได้เข้าออกหรือเงินหมุนเวียนในบัญชีอยู่เสมอ หรือมีเงินเย็นอยู่ในบัญชีบ้าง อย่างน้อยต้องมีหลักหมื่นบาทขึ้นไป
แต่ก็มีอีกข้อคือ สภาวะเศรษฐกิจในเวลานั้นด้วย ถ้าหากช่วงวิกฤติเศรษฐกิจโอกาสขออนุมัติก็ยากขึ้น แต่โดยพื้นฐาน ควรปั้นให้ตัวเลขในบัญชีของเราใน 6 เดือน เป็นอย่างน้อยให้ดูดีที่สุด
พนักงานประจำควรสร้างประวัติการออมเงินในบัญชี
ที่จริงกลุ่มพนักงานประจำคนกินเงินเดือน ถ้ามีรายได้ที่แน่ชัด จะมีโอกาสขอกู้ผ่านมากกว่าผู้ประกอบกิจการ นักธุรกิจ หรือ Freelance เพราะในมุมของธนาคารแล้ว เงินเดือนที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอในแต่ละเดือน เป็นรายได้ที่มีความแน่ชัด เพราะทางธนาคารต้องการจะทราบว่า “คุณมีรายได้ที่แน่นอนเข้ามาเท่าไรต่อเดือน” จากนั้นทางธนาคารก็จะนำไปคำนวณกับอัตราวงเงินที่เราขอกู้ ตรงนี้เราจึงควรจะทำตัวเลขในบัญชีให้สวยที่สุด พยายามนำเงินเข้าทุกเดือน หรือถ้าเอาละเอียดเลยก็คือภายใน 6 เดือน คุณต้องชัดเจนในการเอาเงินเข้าและถอนเงินออก ในกรณีของพ่อค้าแม่ค้า หรือผู้มีรายได้เป็นรายวัน ถ้าคุณมีโอกาสเอาเงินเข้าบัญชีได้ทุกวันก็จะดีมากครับ เป็นการเพิ่มเครดิตให้เวลาธนาคารตรวจสอบด้วย
ไม่ให้เสียประวัติการใช้บัตรเครดิต
ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร สิ่งสำคัญที่สุดในการขอกู้ก็คือ “ประวัติการบริหารหนี้บัตรเครดิต” และเรื่องนี้เป็นปัญหาคลาสสิกเลยครับ เพราะมีคนจำนวนมากที่ตกเป็นหนี้บัตรเครดิตจนถึงขั้นต้องขายบ้านขายรถ ต้องเสียธุรกิจไปเลย
แต่อันที่จริงแล้ว การมีบัตรเครดิตเป็นเรื่องดีสำหรับคนที่จะขอกู้มาลงทุน เพราะธนาคารสามารถตรวจสอบประวัติการใช้และบริหารบัตรเครดิตได้ ทำให้ทราบประวัติการใช้เงินของเรา ธนาคารเองก็จะมีความอุ่นใจมากขึ้น ดังนั้นสำหรับผู้ที่คิดจะลงทุนด้วยการกู้มา ต้องระวังเรื่องการบริหารหนี้บัตรเครดิตครับ เพราะหนี้ค้างชำระบัตรเครดิต จะถูกเก็บไว้ในเครดิตบูโร แล้วสัมพันธ์กับการติดแบล็คลิสต์ด้วย เมื่อเราขอกู้หรือสิ้นเชื่อ ข้อมูลทั้งหมดนี้จะถูกนำมาประมวลผลพร้อมกับ หนี้อื่นๆ เช่นหนี้บุคคล หนี้บ้าน หนี้รถยนต์
ล้างหนี้บัตรเครดิต ทำประวัติให้สวยก่อน
การติดหนี้บัตรเครดิตไปจนถึงติดแบล็คลิสต์ จะทำให้คุณเสียโอกาสในการกู้เพื่อลงทุนไปอย่างน่าเสียดาย ขอให้ท่านเคลียร์หนี้ ตั้งแต่ยอดขั้นต่ำที่ 10-100% ต่อเดือน ยิ่งถ้าเคลียร์ 100% เลยจะยิ่งดีมากครับ เพราะแสดงถึงความรับผิดชอบ และวินัยทางการเงินของเราเอง แล้วจะส่งผลต่อการกู้ด้วย ปกติแล้วข้อมูลที่เป็นประวัติการติดหนี้ของเราจะติดตัวไปอีก 3 ปี ดังนั้นในกรณีที่ผู้กู้ต้องการจะได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอถึง 6 เดือน ถ้าไม่มีหนี้อย่างอื่นนอกจากการชำระบัตรเครดิตที่ล่าช้าแล้วเรารีบเคลียร์ให้หมดไป จากนั้นก็แจ้งกับธนาคารให้ทราบ แบล็คลิสต์ก็จะหลุด
ข้อที่ควรระวังคือ สำหรับคนที่ทำธุรกิจ ระวังอย่าให้เกิดการจ่าย “เช็คเด้ง” เพราะมันจะกลายเป็นประวัติที่แสดงถึงว่าเราขาดสภาพคล่องทางการเงิน แล้วจะโดนเก็บบันทึกไว้ใน Bank Statement แล้วจะเสียประวัติไป ส่งผลให้กู้ไม่ผ่านได้
เอกสารสำหรับขอกู้ มีอะไรบ้าง
เอกสารที่จำเป็นในการขอกู้เบื้องต้น ได้แก่ สลิปเงินเดือน สมุดฝากเงินธนาคารบัญชีธนาคาร ทางเจ้าหน้าที่ของธนาคารจะตรวจสอบจากเงินเดือนหรือรายได้ประจำของเรว่าแต่ละเดือนได้ประมาณเท่าไหร่ แล้วด้วยอัตราเงินเดือนนั้นจะสามารถกู้ได้เท่าไหร่
ตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีเงินเดือน 30,000 บาท เราสามารถกู้ได้โดยประมาณ 2,100,000 บาท เป็นต้น
สำหรับท่านที่เป็นพนักงานเงินเดือนอาจจะมีปัญหาในเรื่องวงเงินที่ขอ เพราะหลายท่านที่ยังไม่เคยเริ่มลงทุน แล้วไม่ได้มีฐานะทางบ้านหรือต้นทุนมาก่อน
นอกจากนี้บริษัทหรือหน่วยงานหลายแห่ง ยังมีโครงการกู้บ้านหรือที่อยู่อาศัย ร่วมกับธนาคารบางแห่ง ตรงนี้ให้ตรวจสอบให้ดีก่อน เพราะมีโอกาสจะได้รับอนุมัติวงเงินที่รวดเร็วได้ แล้วเอกสารประกอบการขอยื่นนั้นก็ใช้เพียงแค่สลิปเงินเดือนล่าสุด หนังสือรับรองเงินเดือน และบัญชีออมทรัพย์ย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน เพียงเท่านี้ ก็สามารถขอยื่นกู้จากธนาคารได้แล้ว สำหรับนักลงทุน เจ้าของกิจการ ผู้ทำธุรกิจส่วนตัว ทางธนาคารจะยอมปล่อยเงินกู้ หรือสินเชื่อให้ยากกว่ามนุษย์เงินเดือน แล้วต้องใช้เอกสารประกอบมากมายในการขอยื่นเรื่องด้วยได้แก่ บัญชีออมทรัพย์หรือกระแสรายวันของบริษัทย้อนหลัง 6 เดือน เอกสารการเสียภาษี เอกสารการจดทะเบียนบริษัทไม่ต่ำกว่า 3 ปี แล้วต้องมีบัญชีธนาคารที่มีเงินหมุนเวียนขั้นต่ำ200,000 บาทต่อเดือน
ดังนั้นเอาเข้าจริงแล้ว ปัญหาในการขอยื่นจะมาตกอยู่กับนักลงทุนและเจ้าของกิจการมากกว่า สำหรับคนที่เป็นพนักงานประจำกินเงินเดือนนั้น ต่อให้มีรายได้น้อยขนาดไหน แต่ก็ยังมีข้อดีอยู่คือทางธนาคารมักจะถือว่าเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้ที่แน่นอน จึงไม่ค่อยเป็นปัญหามากนัก เพราะใน Statement จะมีเงินเข้ามาอย่างชัดเจนทุกๆ เดือน แล้วมีโอกาสร่วมกับโปรโมชั่นต่างๆ ของธนาคารได้ด้วย
คำแนะนำสำหรับ การเคลียร์หนี้
จำเป็นอย่างมากที่ท่านจะต้องรีบเคลียร์หนี้ที่มี หรือทำให้มีหนี้ อยู่น้อยที่สุด จากนั้นถ้าถึงจุดที่ยอดหนี้ ใกล้จะหมดถ้าท่านสามารถรวบรวมเงินก้อนได้ ก็ควรรีบ เอามาเคลียร์หนี้ ให้หมดไปเลยเป็นการปิดบัญชีไปด้วยเลย หลังจากนั้นก็รออีกอย่างน้อยประมาณ 3 เดือน ยอดที่ปิดบัญชีก็จะหายไป เมื่อนั้นยอดในบัญชีของเราก็จะ กลับมาสวยได้อีกครั้งวิธีนี้ ช่วยให้เราสามารถขอวงเงินกู้ที่สูงขึ้นได้ด้วย แต่มีข้อแนะนำสำคัญที่สุดคือ เราต้องไม่สร้างหนี้ เพิ่มขึ้นอีกเพราะเมื่อเคลียร์หนี้แล้ว บางท่านกลับไปสร้างหนี้เพิ่มก็มีเสียโอกาสการลงทุนไปอีก เพราะกู้ไม่ผ่านตามที่ต้องการสำหรับคนที่เป็นนักลงทุนมืออาชีพ ไม่มีกิจการส่วนตัวหรือเป็นฟรีแลนซ์รับจ้างอิสระ ผมแนะนำว่าควรทำให้บัญชีธนาคารของท่านเองมีรายได้ที่เข้าสม่ำเสมอ อย่างน้อยที่สุดคือภายในเวลา 6 เดือน และถ้ามีเงินให้หมุนเวียนได้ ผมขอแนะนำให้ฝากเข้าธนาคารมากกว่าจะถอนออกไปใช้ เป้าหมายคือ เพื่อให้ในบัญชีของเรามียอดเงินเพิ่มมากขึ้นอีกเคล็ดลับง่ายๆ คือให้เราเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาประเมินต่ำกว่าราคาตลาด
ตัวอย่าง
เราขอกู้เงินจากธนาคารมาได้ 2,000,000 บาท เราควรหาคอนโดที่มีราคาต่ำกว่านั้นเช่น หาซื้อคอนโดในราคาที่ 1,800,000 บาท
ถามว่าทำไม เพราะธนาคารมักจะอนุมัติให้เรากู้ได้ในวงเงินที่ต่ำกว่า ราคาตลาด ธนาคารก็จะอนุมัติ ให้ง่ายขึ้นครับ ในกรณีนี้ ธนาคารอาจจะยอมให้เรา กู้ได้ที่ 80-90% ของวงเงินที่เราสามารถกู้ได้ ไม่ยอมปล่อยหมด 100%ซึ่งด้วยวิธีการนี้
เราจำเป็นที่จะต้องประเมินตัวเองและไม่หวังสูงหรือโลภเกินไปด้วย แต่ถ้าเราต้องการจะกู้ให้ได้วงเงิน 100% ผมขอย้ำว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่เครดิต และตัวเลขในบัญชีของเราต้องสวยมาก สำหรับการกู้เพื่อมาลงทุนในคอนโด แนะนำให้ออกค้นหาคอนโดที่ต้องการ และเหมาะสมก่อน เพราะจะทำให้เราได้ในราคาที่ถูกกว่าราคาตลาด เมื่อนั้นการขอกู้จากธนาคารก็จะผ่านไปได้แน่นอนครับ
บทความโดย : พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ (โค้ชตั้ง ) วิทยากร นักเขียน P.R.A. Academy