เอส โอเอซิส ชูเอกลักษณ์อาคารสำนักงานอัจฉริยะ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
มุ่งเป้าสู่การเป็น Sustainable Office ชั้นนำของไทย
กรุงเทพฯ – อาคารสำนักงาน เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้บุคลากรคุณภาพตัดสินใจร่วมงานกับองค์กร ถ้าหากสำนักงานได้รับการออกแบบเพื่อรองรับการทำงานในทุกรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย รวมถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน สิ่งนี้คือสวรรค์ของคนทำงาน และผู้ประกอบการอย่างแท้จริง ซึ่งโครงการอาคารสำนักงาน “เอส โอเอซิส” (S Oasis) ได้ถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์นี้ไว้อย่างครบสมบูรณ์
“เอส โอเอซิส” (S Oasis) คือ อาคารสำนักงานในฝันของคนรุ่นใหม่ โดยนางอรณีย์ พูลขวัญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายพัฒนาธุรกิจค้าปลีก และการพาณิชย์ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงโครงการนี้ว่า เอส โอเอซิส ถูกพัฒนาขึ้นจากแนวคิดอาคารอัจฉริยะ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Smart and Eco-friendly Building) เน้นการออกแบบเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการสร้างสรรค์งาน และบรรยากาศการทำงานที่มีชีวิตชีวา (Innovative Ecosystem) ซึ่งโครงการเอส โอเอซิส นอกจากจะตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูงแล้ว การออกแบบได้ยึดตามมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy & Environmental Design) ที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พลังงาน และสิ่งแวดล้อม เลือกใช้วัสดุที่มีมลพิษต่ำ ควบคุมการก่อสร้างอย่างมีมาตรฐาน เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ประสิทธิภาพในการทำงาน สู่การเป็น Sustainable Office ชั้นนำของไทย
เอส โอเอซิส มีการออกแบบเพื่อเป็นอาคารอัจฉริยะ ที่ตอบโจทย์ทุกการทำงาน โดยการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาประยุกต์ใช้เริ่มตั้งแต่เรื่องอากาศภายในอาคาร มีการเติมและหมุนเวียนอากาศจากภายนอกเข้ามาภายในอาคารด้วยระบบความดันบวก (Positive Pressure) พร้อมด้วยระบบ Outdoor Air Unit (OAU) เพื่อประสิทธิภาพการกรองอากาศให้สะอาดยิ่งขึ้น 2 ชั้น นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งเซนเซอร์ตรวจวัดระดับคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อควบคุมคุณภาพของอากาศภายในอาคาร และแผ่นกรองละเอียดมาตรฐานสูง Medium Filter MERV 8 + HEPA Filter MERV 14 สามารถดักจับฝุ่นที่มีอนุภาคเล็กถึง 0.3 ไมครอน (เล็กกว่าฝุ่น PM 2.5) ทั้งยังมีการติดตั้งหลอด UVC ภายในเครื่อง AHU เพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรค
นอกจากนี้ทางโครงการยังให้ความสำคัญกับการนำแสงสว่างจากธรรมชาติเข้ามา ช่วยเพิ่มความสว่างภายในอาคาร ด้วยการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับการใช้งาน (Occupancy Sensor) และเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงธรรมชาติ (Daylight Sensor) ในพื้นที่ต่าง ๆ ของอาคาร เพื่อช่วยประหยัดการใช้พลังงานและควบคุมความสว่างได้อย่างเหมาะสม เสริมด้วยการออกแบบพื้นที่สำนักงานให้เช่าให้มีเพดานสูงถึง 3 เมตร และไม่มีเสากั้นระหว่างกลาง (Column-Free Design) ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ของผู้ใช้งานในส่วนกระจกนั้น ทางโครงการเลือกใช้กระจกบานใหญ่สูงจรดเพดาน (Full Height Window ทำให้สามารถรับแสงเข้าสู่พื้นที่ส่วนต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ และยังช่วยให้ผู้ใช้งานรู้สึกโปร่ง โล่งและสบายมากขึ้น ในแง่ของการใช้งานอาคาร โครงการได้นำเทคโนโลยี IoT เข้ามาผสมผสานและบริหารจัดการพื้นที่อย่างลงตัว พร้อมระบบ Internet ความเร็วสูงในพื้นที่ส่วนกลางที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้อาคารในการทำงานและการเชื่อมต่อกับผู้คนภายนอกและทางโครงการยังได้ออกแบบภูมิสถาปัตย์ภายในและภายนอกอาคารให้มีพื้นที่สีเขียวกว่า 2,000 ตร.ม. โดยแบ่งเป็นพื้นที่สีเขียวแบบยั่งยืนด้วยการปลูกต้นไม้ยืนต้นในพื้นที่กว่า 600 ตร.ม. และพื้นที่สำหรับปลูกไม้พุ่มคลุมดินกว่า 1,400 ตร.ม. คิดเป็นเกือบร้อยละ 60 ของพื้นที่ว่างภายนอกอาคาร โดยเลือกใช้พันธุ์ไม้บางส่วนที่สามารถฟอกอากาศและช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ลดระดับฝุ่นและมลพิษทางอากาศได้
“ระหว่างก่อสร้าง เอส โอเอซิส เลือกใช้วัสดุที่มีส่วนประกอบของวัสดุรีไซเคิลกว่า 75% ของเศษวัสดุจากการก่อสร้าง และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบพื้นผิวภายในอาคารที่มีค่าความระเหยต่ำ (Low VOCs) ลดมลพิษ ไอระเหยต่อชุมชน และเป็นมิตรต่อสุขภาพผู้ใช้อาคาร ติดตั้งระบบระบายความร้อนชนิดเสียงรบกวนต่ำ เพื่อลดมลภาวะทางเสียง และ อุปกรณ์ลดละอองน้ำจากระบบระบายความร้อนด้านการจัดการน้ำ โครงการสามารถลดการใช้น้ำลง 50% ด้วยการบำบัด และใช้น้ำหมุนเวียนภายในอาคาร มีการเลือกใช้อุปกรณ์ หรือสุขภัณฑ์ที่ประหยัดน้ำ ช่วยลดปริมาณการใช้น้ำลง 20% เทียบจากเกณฑ์มาตรฐาน LEED และยังมีระบบจัดการน้ำฝน (ถังเก็บ และ นำน้ำฝนกลับมาใช้) ช่วยให้เกิดการใช้ทรัพยาการน้ำอย่างมีคุณค่า นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีไร้สัมผัสที่ช่วยให้รู้สึกมั่นใจ ปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ ในทุกกิจกรรมและทุกพื้นที่ส่วนกลางของอาคาร ตั้งแต่การเข้าอาคาร และขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่ต้องการ พร้อมมีการทำความสะอาดในพื้นที่ตลอดเวลา รวมถึงการชำระเงินค่าบริการและสินค้าร้านค้าภายในอาคารด้วยระบบการชำระเงินแบบ Cashless เพื่อสุขอนามัย และสุขภาพที่ดีของทุกๆคน” นางอรณีย์ กล่าวเพิ่มเติม
นอกจากฟังก์ชั่นต่างๆ ด้านการก่อสร้าง และออกแบบ เพื่อให้เป็น Sustainable Office แล้ว เอส โอเอซิส ยังคำนึงถึงการเข้าใช้อาคารของคนทุกๆ กลุ่ม รวมทั้งผู้พิการ ด้วยแนวคิด Universal Design อาทิ ทางลาดสำหรับการเข้า-ออก จากภายนอกอาคารเข้าสู่โครงการ ทางลาดเข้า-ออกจากพื้นที่ส่วนอาคารจอดรถเข้าสู่พื้นที่ Retail Turnstile ที่มีขนาดความกว้าง รองรับสำหรับรถเข็น ห้องน้ำคนพิการในทุกชั้น และปุ่มกดในลิฟต์ที่ออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานโดยผู้พิการ และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ คือเน้นเรื่องการอยู่ร่วมกับชุมชุมอย่างยั่งยืนควบคู่กันไป โดยได้ออกแบบอาคารเพื่อให้ตอบรับกับการใช้ชีวิตของคนในชุมชนซอยเฉยพ่วง มีการสร้างพื้นที่สาธารณะโดยรอบให้ดีขึ้น รวมถึงการปรับปรุงพื้นที่ขายของเพื่อส่งเสริมร้านค้าในชุมชนให้ดำเนินธุรกิจควบคู่กันไปด้วย
โครงการเอส โอเอซิส (S Oasis) โดยสิงห์ เอสเตท ตั้งอยู่ในซอยเฉยพ่วง ถนนวิภาวดี รังสิต พื้นที่โครงการ 6 ไร่ 3 งาน 24 ตารางวา อยู่ระหว่างก่อสร้างเป็นสำนักงานเกรดสูง 35 ชั้น พร้อมชั้นใต้ดิน 2 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่ใช้สอย 54,000 ตร.ม. พื้นที่ค้าปลีก 1,700 ตารางเมตร ที่จอดรถยนต์จำนวน 870 คัน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อร่วมสนับสนุนทุกการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และอาคารจอดรถโดยรอบที่รองรับได้กว่า 1,400 คัน ทั้งนี้จะเปิดให้บริการไตรมาส 1 ปีหน้า
ทั้งนี้ปัจจุบัน สิงห์ เอสเตท บริหารพื้นที่สำนักงานอาคารซันทาวเวอร์ส ริมถนนวิภาวดีรังสิต พื้นที่กว่า 62,000 ตารางเมตร และเมื่อโครงการเอส โอเสซิส แล้วเสร็จ บริษัทจะบริหารพื้นที่สำนักงานทั้งสิ้นประมาณ 116,000 ตารางเมตร พร้อมทั้งสร้างบริเวณนี้ให้เป็นเอส ดิสทริค (S District) เพื่อเป็นสังคมคุณภาพแห่งใหม่ บนทำเลแห่งอนาคตของกรุงเทพตอนเหนือ นอกจากนี้ สิงห์ เอสเตท ยังบริหารพื้นที่สำนักงานอาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ บนหัวมุมถนนอโศกเพชรบุรี และอาคารเอส เมโทร ใจกลางพร้อมพงษ์ อีกด้วย