DPAINT เผยภาพรวมธุรกิจปี 64 น่าพอใจ คาดรายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้
เตรียมเดินหน้าปี 65 ด้วยกลยุทธ์เปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมต่อเนื่อง
“บมจ.สีเดลต้า หรือ DPAINT” เผยความสำเร็จของธุรกิจในปี 2564 โดดเด่นอย่างน่าพอใจ จากผลตอบรับที่ดีเยี่ยมของการเสนอขายหุ้นไอพีโอ ยอดขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบในช่วงโควิด-19 อันเป็นผลจากการมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์กลุ่มสีคุณภาพพิเศษ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง พร้อมเร่งขยายธุรกิจเต็มพิกัดในปี 65 ด้วยกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจับกลุ่มตลาดพรีเมียม
นายรณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สีเดลต้า จำกัด (มหาชน) หรือ DPAINT เปิดเผยถึง กล่าวว่า ““ปี 2564 นับเป็นปีที่น่าจดจำสำหรับ DPAINT จากความสำเร็จที่เหนือความคาดหมายในการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งส่งผลให้ฐานะทางการเงินของเราแข็งแกร่งขึ้นพร้อมสร้างการเติบโตในอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ในส่วนของผลประกอบการและยอดขายมีการเติบโตอย่างน่าพอใจ เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งสวนทางกับแนวโน้มของอุตสาหกรรม เนื่องจากทีมทำงานทุกฝ่ายทั้งองค์กรเตรียมพร้อมปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์โควิดได้อย่างดี สำหรับทิศทางปีหน้า เรายังมุ่งเน้นในการเติบโตด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมต่อเนื่องทั้งปี การแสวงหาพันธมิตรใหม่ ๆ เพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง และขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการพัฒนาด้านบุคลากร โดยสรรหาผู้ที่มีความสามารถและประสบการณ์มาเสริมทีม”
ทั้งนี้ DPAINT ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในการเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม 2564 ด้วยราคาหุ้นอยู่ที่ 22.50 บาท เหนือจองถึง 200% เพิ่มขึ้น 15 บาท จากราคาไอพีโอ (IPO) ที่ 7.50 บาท
สำหรับยอดขายเติบโตอย่างโดดเด่นในช่วงปีที่ผ่านมา เกิดจากการเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวใหม่ ๆ การมุ่งพัฒนาสินค้าในกลุ่มพรีเมียม และขยายจำนวนช่องทางการจัดจำหน่ายตามแผนธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อรองรับและเข้าถึงลูกค้าอย่างครอบคลุมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าโมเดิร์นรีเทล และร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม ซึ่งปัจจุบันมีรวมกันมากกว่า 1,000 สาขาทั่วประเทศ โดยมีปัจจัยบวกที่สนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคการก่อสร้าง โดยเฉพาะในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนการเติบโตของการซ่อมแซมปรับปรุงที่อยู่อาศัยในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป ซึ่งต่างสนับสนุนความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์สีทาอาคารขยายตัวขึ้นตลอดทั้งปี
นอกจากนั้น ในเดือนพฤศจิกายน บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์สีดิสนีย์ สีเดลต้า เมจิก ชิลด์ ซึ่งเป็นการจับมือกับเดอะ วอลท์ ดิสนีย์ ประเทศไทย และดิสนีย์ โกลบอล โดยทำงานกันอย่างใกล้ชิดทั้งในทุกขั้นตอนการผลิตสี จนถึงการผลิตวิดีโอแอนิเมชัน 3 มิติ เพื่อใช้เป็นสื่อโฆษณา ถือผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมสีแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย พร้อมคุณสมบัติพิเศษของผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันได้อย่างแตกต่างและแปลกใหม่ ทั้งสามารถสะท้อนความร้อนได้มากกว่า 93% ช่วยให้บ้านเย็นสบาย อีกทั้งยังกำจัดเชื้อไวรัสได้ 99.99% ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยยอดขายทะลุเป้า โดยร้านค้าและตัวแทนจำหน่ายให้การตอบรับอย่างดีเยี่ยม รวมถึงร้านค้าที่ยากต่อการเข้าถึงในอดีตได้เปิดโอกาสมาเป็นคู่ค้าใหม่ อีกทั้งยังมีร้านค้าต่าง ๆ ให้ความสนใจในการนำผลิตภัณฑ์กลุ่มอื่นๆ ของ DPAINT ไปจำหน่าย โดยมีจำนวนร้านค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น 14% จากปีที่แล้ว จึงถือเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญที่ช่วยผลักดันให้ยอดขายในไตรมาสสุดท้ายของปีพุ่งสูงขึ้น
ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ DPAINT มียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับภาพรวมของอุตสาหกรรมและตลาดสีทาอาคารในประเทศ และเศรษฐกิจโดยรวมที่ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากสถานการ์โควิด-19
สำหรับทิศทางธุรกิจปี 2665 DPAINT ยังคงเดินหน้ารุกตลาดผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพรีเมียมด้วยสินค้าซึ่งพัฒนาโดยใช้นวัตนกรรม ซึ่งภือเป็นเซกเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดของตลาดสีทาอาคาร พร้อมแผนการขยายเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ โดยที่ผ่านมาได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย 2 ราย รวมทั้งแผนความร่วมมือกับพันธมิตรอื่น ๆ อีกหลายรายที่จะตามมา
ในด้านการลงทุน บริษัทมีแผนซื้อเครื่องผสมสีเพิ่มอีกจำนวน 100 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วน 25% ดำเนินการวางระบบ ERP ใหม่เพื่อยกระดับการบริหารทรัพยากรในองค์กรผ่านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ล้ำสมัย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้งานจริงได้ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 รวมทั้งดำเนินการออกแบบและเตรียมก่อสร้างโรงงานใหม่
ในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สีเดลต้า ที่เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรมเพิ่มอีก 4 ผลิตภัณฑ์ ในปี 2565
“เราคาดหวังว่าปี 2565 จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้มีการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง ทั้งโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ของภาครัฐและการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ของภาคเอกชน และส่งผลดีอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมสีทาอาคาร ประกอบกับกลยุทธ์การเปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ที่จับกลุ่มเซกเมนต์พรีเมียม จึงคาดว่าเราจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตที่ดีได้อย่างต่อเนื่องในปีหน้า” นายรณฤทธิ์กล่าว