“ศุภาลัย” นับเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในหัวเมืองต่างจังหวัดมากที่สุด แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะมีการชะลอตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็ยังมีนโยบายขยายการลงทุนในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง จนในปีที่ผ่านสัดส่วนยอดขายต่างจังหวัดทะยานขึ้นไปกว่า 7,000 ล้านบาท สัดส่วนเพิ่มเป็น 24% พร้อมกับเป้าหมายใหญ่ 3 ปีนับจากนี้สัดส่วนรายได้ขยับเป็น 35%
กุญแจแห่งความสำเร็จของศุภาลัย ด้วยการเดินกลยุทธ์การลงทุนพื้นที่ต่างจังหวัด ที่รัดกุม ถูกต้อง และชัดเจน เพราะเป็นตลาดที่มีทั้งโอกาสสำหรับการลงทุนและความเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง ทุกจังหวัดที่ศุภาลัยลงทุนเน้นทำสินค้าแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ส่วนการลงทุนคอนโดมิเนียมจะเน้นเฉพาะเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต สงขลา เป็นต้น เพื่อให้การลงทุนในต่างจัวหวัดมีความมั่นคงและยั่งยืน
ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน) บอกว่า การขยายลงทุนในต่างจังหวัดเป็นการเพิ่มศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นการลดความเสี่ยง โดยนโยบายการลงทุนในภูมิภาคของบริษัทจะต้องเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ สามารถพัฒนาโครงการได้ 3 โครงการขึ้นไป ซึ่งก็ต้องดูในแง่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ รายได้ประชากร ของแต่ละจังหวัดประกอบกันไปด้วย จังหวัดไหนที่ยังไม่สามารถพัฒนาได้ 3 โครงการขึ้นไป ก็ยังไม่เข้าไปลงทุน
ปัจจุบันศุภาลัย มีการพัฒนาโครงการใน 11 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ สงขลา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี อุดรธานี ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา ชลบุรี ระยอง และนครศรีธรรมราช ซึ่งมีการเดินหน้าเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่วนเป้าหมายปีนี้จะเพิ่มการลงทุนในจังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่ 12 โดยที่เริ่มเปิดขายในไตรมาส 2
จังหวัดเป้าหมายของศุภาลัยในการขยายการลงทุนในปีนี้ คือ จังหวัดทางภาคตะวันออก โดยเฉพาะที่ชลบุรี จะมีโครงการเปิดใหม่ 4-5 โครงการ รองรับกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยล่าสุดได้เปิดโครงการ ศุภาลัย พรีโม่ บางแสน ไปแล้วเมื่อปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา แต่ภาคอีสานก็เป็นเป้าหมายใหญ่ที่ต้องเดินหน้าลงทุนต่อเช่นกัน
“ต้องยอมว่าธุรกิจอสังหาฯภูมิภาคจะฟื้นตัวได้ช้ากว่าในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในภาคอีสานที่รายได้จะอิงกับราคาสินค้าเกษตรเป็นหลัก แตกต่างจากภูเก็ต ชลบุรี ที่เป็นเมืองท่องเที่ยว และในจังหวัดภาคตะวันออกที่ยังได้แรงหนุนจากนโยบายโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก แต่ในภาคอีสานก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และยังมีข้อได้เปรียบในเรื่องของจำนวนประชากรที่มีมากกว่าภาคอื่น และราคาที่ดินที่สามารถพัฒนาโครงการได้ราคาที่ดีกว่า”
สำหรับจังหวัดในเขตภาคอีสานตอนใต้อย่างอุบลราชธานี ถือว่าเป็นจังหวัดขนาดใหญ่ ที่มีจำนวนประชากรจำนวนมาก ที่มีศักยภาพสูง ซึ่งบริษัทมองเห็นถึงโอกาสในการขยายตัว และตลาดอสังหาฯมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีสนามบินนานาชาติ ทำให้การเดินทางสะดวกและรวดเร็ว ทั้งยังเป็นจังหวัดที่มีประตูการค้าขายแดนเชื่อมโยงทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างประเทศลาว จึงได้มีการลงทุนพัฒนาโครงการไปแล้ว 4 โครงการแนวราบในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็กระแสตอบรับดีและเตรียมที่จะลงทุนอีก 1 โครงการเป็นโครงการที่ 5 ในช่วงครึ่งปีหลังนี้
นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่มเติมในจังหวัดอุดรธานี และนครราชสีมา ได้แก่ ศุภาลัย ไพรด์ อุดรธานี มูลค่า 1,800 ล้านบาท ศุภาลัย การ์เด้นวิลล์ นครราชสีมา มูลค่า 640 ล้านบาท อีกทั้งโครงการใหม่ในโซนภาคตะวันออก 1 โครงการ คือ ศุภาลัย ริเวอร์ วิลล์ ระยอง บ้านเดี่ยวหรูริมแม่น้ำ มูลค่า 650 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยผลักดันสัดส่วนยอดขายในต่างจังหวัดเพิ่มเป็น 30%ตามที่วางเป้าหมายไว้
ด้านไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2561 บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่เป็นประเภทบ้านจัดสรรในหัวเมืองภูมิภาค จำนวน 13 โครงการ ใน 12 จังหวัด ไม่นับรวมจังหวัดปริมณฑล โดยจะมีการขยายลงทุนเพิ่มป็น 12 จังหวัด คือ เชียงราย จะส่งผลให้สัดส่วนยอดขายในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเป็น 30% แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 26% และคอนโดมิเนียม 4% ของเป้าหมายยอดขายของบริษัท 33,000 ล้านบาท
“ตลาดอสังหาฯต่างจังหวัดยังมีโอกาสขยายตัวไปได้อีกมาก ซึ่งบริษัทยังมีที่ดินอีกหลายแปลงในหลายจังหวัดที่รอการพัฒนา และในปีนี้ได้วางงบซื้อที่ดินเพิ่มอีก 9,000 ล้านบาท ทั้งกรุงเทพฯปริมณฑลและหัวเมืองใหญ่ และคาดว่าในอีก 3 ปี สัดส่วนรายได้จากต่างจังหวัดจะเพิ่มขึ้นเป็น 35%” ไตรเตชะกล่าวทิ้งท้าย