อินฟอร์มาฯ จัดใหญ่ครบเครื่องงาน ‘ไวต้าฟู้ด เอเชีย 2024’ รับเทรนด์สุขภาพ ‘เสริมอาหาร’ มาแรงดันอุตสาหกรรมโต 239 พันล้านบาท

อินฟอร์มาฯ จัดใหญ่ครบเครื่องงาน ‘ไวต้าฟู้ด เอเชีย 2024’
รับเทรนด์สุขภาพ ‘เสริมอาหาร’ มาแรงดันอุตสาหกรรมโต 239 พันล้านบาท
 

“ไวต้าฟู้ด เอเชีย 2024” (Vitafoods Asia 2024) จัดยิ่งใหญ่รับกระแสความนิยม “สารสกัดและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร” (Nutraceuticals) มาแรงทั่วโลก หลังผู้บริโภคทุกช่วงวัยใส่ใจดูแลสุขภาพเชิงรุก อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ (ประเทศไทย) ผู้จัดงานเตรียมขนทัพสุดยอดนวัตกรรมเสริมอาหารและสารสกัด โชว์ในงานแสดงสินค้า เทคโนโลยี และนวัตกรรมส่วนผสมสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย เผยตลาดสารสกัดและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของประเทศไทยมีโอกาสโตก้าวกระโดดแตะ 239 พันล้านบาทในปี 2569 งานจัดระหว่างวันที่ 18-20  กันยายน 2567 ฮอลล์ 1-3 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เผยยอดผู้ร่วมออกงานกว่า 10,000 ราย

นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเสริมอาหารและสารสกัดกำลังเติบโตอย่างมากในตลาดเอเชีย โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อ้างอิงรายงานจาก Euromonitor International ตลาดสารสกัดและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Nutraceuticals) ของประเทศไทยมีมูลค่า 190 พันล้านบาท ในปี 2565 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 239 พันล้านบาท ในปี 2569

โดยกระแสความคึกคักของตลาดที่เกิดขึ้นมาจากผู้ผลิตที่คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง และการตอบรับของผู้บริโภคที่ใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้ตลาดในประเทศไทยยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนเป็นอย่างมาก ทั้งจากผู้ประกอบการรายเดิม และผู้ประกอบการจากอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เริ่มขยายงานเข้าสู่ตลาดเสริมอาหารมากขึ้น

ดังนั้น การจัดงาน “ไวต้าฟู้ด เอเชีย 2024” (Vitafoods Asia 2024) งานแสดงสินค้า เทคโนโลยี และนวัตกรรมส่วนผสมสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ จึงมุ่งตอบโจทย์ความต้องการที่รอบด้าน ทั้งผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมฯ และผู้บริโภคที่ใส่ใจดูแลสุขภาพ ซึ่งสอดคล้องไปกับผลการสำรวจไลฟ์สไตล์ของ Euromonitor ที่ผู้บริโภคชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่าครึ่งหนึ่งเชื่อว่าจะมีสุขภาพที่ดีขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลกระทบต่อพวกเขามากขึ้นอีก 5 ปีนับจากนี้ เป็นผลมาจากการรับประทานอาหารที่ดีเพื่อการมีสุขภาพที่ดีขึ้นในอนาคต

โดยภาพรวมของ “ไวต้าฟู้ด เอเชีย 2024” (Vitafoods Asia 2024) เป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างเครือข่ายของผู้ประกอบการได้ใช้พื้นที่ของการจัดงานสำหรับการเรียนรู้และสร้างความร่วมมือในระยะยาว รวมทั้งใช้โอกาสนี้ในการจัดหาส่วนผสมและผลิตภัณฑ์คุณภาพจากบรรดาผู้ผลิตและเจ้าของนวัตกรรม และพบปะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเจ้าของธุรกิจและซัพพลายเออร์คุณภาพสูง มากกว่า 600 แบรนด์ที่ร่วมออกบูธแสดงสินค้าและนวัตกรรม จาก 70 ประเทศ มาร่วมจัดแสดงโดยแบ่งเป็นโซลูชันหลากหลายประเภท ได้แก่ ส่วนผสมและวัตถุดิบ (Ingredients & Raw Materials), การผลิตตามสัญญาและฉลากส่วนตัว (Contract Manufacturer & Private Label), ผลิตภัณฑ์ที่มีตราสินค้าและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป (Branded Finished Product), ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, วิตามิน, ส่วนผสมจากธรรมชาติ, สารสกัดสมุนไพร, ผลิตภัณฑ์ทางโภชนาการ, บรรจุภัณฑ์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมส่วนจัดแสดงนวัตกรรม อาทิ หัวข้อสัมมนาเสริมโนว์ฮาวธุรกิจแบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็น  แนวโน้มจากเติบโตและโอกาสธุรกิจเสริมอาหารในเอเชียและออสเตรเลีย การขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สมุนไพร การทำฉลากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อผู้สูงอายุ กลยุทธ์การตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง รวมถึงการอัปเดตงานวิจัยเรื่อง Pre-Pro-Postbiotics, Collagen Peptides หรือ สารสกัดที่กำลังมาแรง เช่น Ashwagandha และสารสกัดจากเห็ด เป็นต้น

ความพิเศษของงาน “ไวต้าฟู้ด เอเชีย 2024” (Vitafoods Asia 2024) ในปีนี้ ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมาก ทั้งพื้นที่จัดแสดงนวัตกรรมสินค้าและส่วนผลม (New Products & New Ingredients Zone), พื้นที่จัดแสดงและทดสอบสินค้า (Tasting Bar), กิจกรรมการวิ่งเพื่อสุขภาพ (Vitafoods Asia 5K Run)

ภายในงานยังจัดให้มีพื้นที่การจัดแสดงวัตถุดิบและสินค้าเสริมอาหารจากหน่วยงานภาครัฐและมหาวิทยาลัย (Academic to Commercial), พื้นที่จัดกิจกรรมทานอาหารตามธาตุเจ้าเรือน (Lift Elements activity) และอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าจับตามองเป็นการเสนอเทรนด์ในอุตสาหกรรมเสริมอาหาร (Innovative Health Hub) รวมทั้งกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability Square) และเวทีสัมมนาใหญ่จำนวน 2 เวที เพื่อการถ่ายทอดประสบการณ์ที่น่าสนใจและข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม

ไวต้าฟู้ด เอเชีย 2024 (Vitafoods Asia 2024) ยังร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนอุตสาหกรรมเสริมอาหารไทย เพิ่มมูลค่าวัตถุดิบด้านการเกษตร ขยายโอกาสธุรกิจ และผลักดันอุตสาหกรรมเสริมอาหารไทยเติบโตในตลาดโลกพร้อมเปิดเวทีให้ผู้ประกอบการ บุคคลทั่วไป หรือ นิสิต/ นักศึกษา ร่วมส่งผลงานประกวดนวัตกรรมสารสกัดและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Vitafoods Asia Nutraceutical Awards 2024 ภายใต้แนวคิด “Local Ingredients to Global Nutraceuticals” พร้อมรับเกียรติบัตรรับรองคุณภาพเพื่อต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์และสารสกัดให้ไปสู่เชิงพาณิชย์ และโอกาสในการแสดงสินค้าในงาน Vitafoods Asia 2024

สำหรับกลุ่มเป้าหมายของ “ไวต้าฟู้ด เอเชีย2024” ได้แก่ ผู้ผลิต, ผู้จัดจำหน่าย, ที่ปรึกษา, ผู้ค้าปลีก, การวิจัย, วิทยาศาสตร์, วิชาการ, ผู้นำเข้า, ผู้ค้าส่ง, อาหารและอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ, อาหาร, ยา, อาหารเพื่อสุขภาพ, อาหารเพื่อสุขภาพ, เครื่องดื่ม, ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล, สมาคมการค้า โดยตั้งเป้าว่าจะมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 10,000 คน

“บริษัทฯ มีความตั้งใจในการผลักดันโอกาสทางธุรกิจของผู้ประกอบการธุรกิจในไทยให้มากขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยเป็นฮับของการผลิตและการตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในภูมิภาคเอเชีย” นางสาวรุ้งเพชร กล่าว

ด้าน ดร. กิตติวุฒิ เกษมวงศ์ หัวหน้าทีมวิจัยกระบวนการระดับนาโนเพื่ออุตสาหกรรมเกษตร ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า สวทช. มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับอุตสาหกรรมอาหารและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ และการนำสารสกัดสมุนไพรและจุลินทรีย์มาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของไทย อีกทั้งเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิต ลดการนำเข้าวัตถุดิบ และลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เพื่อเป็นการยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการ และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ให้เติบโตในอนาคต

ดร.ภก.ณัฐพศุตม์ ภัทธิราสินสิริ ประธานกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบสำหรับเทคโนโลยีทางการแพทย์และสุขภาพในหลายด้าน ทั้งความเข้มแข็งด้านการศึกษาและการวิจัยด้านชีวภาพทางการแพทย์ (Biomedical Science) ประกอบกับประเทศไทยเป็นแหล่งสำคัญด้านความหลากหลายทางชีวภาพ จึงเป็นจุดแข็งในการพัฒนาต่อยอดงานวิจัยให้ไปสู่ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และสุขภาพ ทั้งผลิตภัณฑ์ประเภท ผลิตภัณฑ์สมุนไพร Functional Foods ชีวเวชภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ Active Pharmaceutical Ingredients (APIs) เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และสุขภาพที่เข้มแข็ง ซึ่งนอกจากเป็นการลดการนำเข้าของผลิตภัณฑ์ด้านการแพทย์และสุขภาพแล้ว ยังเป็นการพัฒนาประเทศไปสู่เศรษฐกิจฐานความรู้ที่สร้างรายได้ให้แก่ประเทศได้

นายนาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสมุนไพรในประเทศไทยมีโอกาสขยายตัวอีกมากจากปัจจัยโครงสร้างประชากรที่มีจำนวนผู้สูงวัยเพิ่มขึ้น และผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ส่งผลให้ความต้องการ “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร” ในไทยเติบโต โดยมีมูลค่าตลาดเป็นสัดส่วนสูงกว่า 30% ของกลุ่มผลิตความงาม เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

นอกจากนี้ยังมี ธนวัฒน์ แซ่ตั๊น หรือ สตังค์แบงค์ เจ้าของแบรนด์เสริมอาหารและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง เข้ามาเผยเคล็ดลับการสร้างธุรกิจเสริมอาหารให้ประสบความสำเร็จด้วยการทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจ และกระตุ้นอุตสาหกรรมเสริมอาหารและสารสกัดของไทยให้เติบโตมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งผู้ที่สนใจในนวัตกรรมส่วนผสมอาหารและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ จะได้เข้าถึงนวัตกรรมใหม่และพบปะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนวัตกรรมส่วนผสมสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ โดยงานจัดระหว่างวันที่ 18 – 20 กันยายน 2567 ตั้งแต่เวลา 10:00 – 18:00 น. ฮอลล์ 1 – 3 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ รายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนที่ www.vitafoodsasia.com