“NEPS” ร่วมมือ “LONGi” เปิดตัวนวัตกรรมโซลาร์ใหม่ระดับโลก “Ultra Black Solar” และ “BIPV” ครั้งแรกในไทย! ชูเทคโนโลยี BC ประสิทธิภาพสูง ดีไซน์สวย คาดรายได้โตก้าวกระโดดต่อเนื่อง

“NEPS” ร่วมมือ “LONGi” เปิดตัวนวัตกรรมโซลาร์ใหม่ระดับโลก  “Ultra Black Solar” และ “BIPV” ครั้งแรกในไทย!
ชูเทคโนโลยี BC ประสิทธิภาพสูง ดีไซน์สวย คาดรายได้โตก้าวกระโดดต่อเนื่อง
 

 NEPS ร่วมกับ LONGi (ลอนจี) เปิดตัว 2 โปรดักส์โซลาร์นวัตกรรมใหม่ของโลกครั้งแรกในไทย! ชูจุดเด่นเทคโนโลยี BC ที่ให้ประสิทธิภาพสูง มาพร้อมดีไซน์สวยหรู ได้แก่ “แผงโซลาร์เซลล์รุ่น HI-MO X6 Ultra Black” สีดำเรียบหรู ดีไซน์สวย ให้ประสิทธิภาพสูงสุดถึง 23.2% ซึ่งมากกว่าแผงโซลาร์ทั่วไป โดย NEPS ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรายแรก และรายเดียวในประเทศไทย และ “BIPV” (Building-integrated photovoltaics) แผงโซลาร์เซลล์นวัตกรรมใหม่ที่รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาคาร สามารถนำไปผสานกับวัสดุก่อสร้างภายนอกได้  ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านการคิดค้นและผลิตจาก LONGi มั่นใจตลาดโซลาร์ไทยเติบโต คาดทั้ง 2 สินค้าจะสามารถช่วยส่งให้ NEPS มีรายได้โตก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง
 

นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิว เอ็นเนอร์จี พลัส โซลูชั่นส์ จำกัด หรือ NEPS กล่าวว่า “NEPS ดำเนินธุรกิจโซลาร์มาตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา เราเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยปัจจัยหลักมาจากโซลูชั่นงานบริการแบบ One Stop Solution ตั้งแต่การให้คำปรึกษา-ประเมินพื้นที่ก่อนติดตั้ง-การปรับปรุงโครงสร้างบ้าน/อาคาร – ประสานหน่วยงานราชการ – การบำรุงรักษา และบริการหลังการขาย ด้วยทีมวิศวกรมืออาชีพ รวมถึงในแง่ของงานดีไซน์ การออกแบบแผงให้สอดรับกับตัวบ้านหรือตัวอาคารต่างๆ ได้อย่างสวยงามและลงตัว โดยล่าสุด NEPS ได้รับความไว้วางใจจาก LONGi (ลอนจี) ซึ่งเป็นผู้นำและครองตำแหน่งผู้ผลิตแผงโซลาร์อันดับ 1 ของโลก ให้นำเข้าและจำหน่ายแผงโซลาร์เซลล์รุ่น “HI-MO X6 Ultra Black” รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ด้วยประสิทธิภาพแผง 23.2% ซึ่งมากกว่าแผงโซลาร์ทั่วไปในตลาด ดีไซน์สีดำเรียบหรู เจาะกลุ่มงานบ้านระดับไฮเอนด์ อีกทั้งงานนี้ยังมีการนำ BIPV หรือ แผงโซลาร์แบบผสานวัสดุอาคาร ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ เข้ามาเปิดตัวครั้งแรกในไทย และนับเป็นประเทศที่ 2 ในเอเชียด้านการผลิตและจำหน่ายอีกด้วย”

“ทั้งนี้ธุรกิจโซลาร์ในปัจจุบัน นับว่าเป็นยุคที่มีการแข่งขันสูงมาก แม้ว่าจะมีการตอบรับจากลูกค้าจำนวนมากกว่าในอดีตที่ผ่านมาก็ตาม แต่เรายังคงต้องพัฒนาตัวเองและคัดสรรสินค้าที่มีเทคโนโลยีใหม่ พร้อมด้วยดีไซน์ที่สวยงามเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยที่ผ่านมาเราเจาะกลุ่มเป้าหมาย โรงงาน โรงเรียน โรงแรม สนามกอล์ฟ โครงการบ้านจัดสรร และกลุ่มลูกค้าบ้านเดี่ยวเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันเราได้ขยายฐานลูกค้าทั้งกลุ่ม B2B และ B2C ที่มีความต้องการเฉพาะตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากยังมีช่องว่างทางการตลาดสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้อยู่มาก การร่วมมือกับ LONGi ในครั้งนี้ จึงนับเป็นโอกาสที่ดีมากของ NEPS”
 

 คุณหม่า เหมิง (Ma Meng) ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเวียดนาม บริษัท ลอนจี กรีน เอเนอร์จี เทคโนโลยี จำกัด หรือ LONGi กล่าวว่า “LONGi เริ่มเข้ามาทำตลาดโซลาร์ในไทยเมื่อปี 2560 เพราะเห็นถึงแนวโน้มความต้องการด้านโซลาร์ในประเทศไทย ประกอบกับไทยเปิดเสรีในด้านเทคโนโลยี รวมถึงปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายด้านพลังงานแสงอาทิตย์มากมาย เช่น การรับซื้อไฟฟ้าด้วยมาตรการ Feed-in Tariff (FIT) , การส่งเสริมไฟฟ้าสีเขียวด้วยมาตรการ Utility Green Tariff (UGT) , การส่งเสริมตลาดคาร์บอน และกลไกทางภาษีของ BOI เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้จึงส่งเสริมให้ตลาดโซลาร์ไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ จากข้อมูล BNEF* จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน LONGi ยังคงครองตำแหน่งผู้ผลิตแผงโซลาร์อันดับ 1 ของโลก ปัจจัยหลักคือ เราให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) โดยทุ่มงบประมาณหลักพันล้านดอลลาร์ (Billion Dollar) ซึ่งนับว่าเป็นการลงทุนที่มากที่สุดในบริษัทผลิตแผงโซลาร์ เพื่อให้ได้เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตพลังงานที่สูงขึ้น อาทิ เทคโนโลยี BC (Back Contact) ที่ช่วยให้แผงโซลาร์ดูดซับแสงได้ดีในพื้นที่แสงน้อย เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตพลังงาน ที่นำมาใช้กับทั้ง 2 โปรดักส์ในวันนี้ เป็นต้น”

ด้านความร่วมมือกับ NEPS นั้น คุณหม่า เหมิง (Ma Meng) กล่าวต่อว่า  “เรามองเห็นจุดแข็งของ NEPS ในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่อง วิสัยทัศน์ในการมุ่งมั่นนำพลังงานสะอาดมาช่วยขับเคลื่อนเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกสู่อนาคตที่ยั่งยืน โดยยึดหลักความรับผิดชอบต่อลูกค้า ต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงวิธีการทำการตลาดของ NEPS ที่เน้นเรื่องการให้ข้อมูลความรู้เป็นสำคัญ อีกทั้งการให้บริการลูกค้าแบบ One Stop Solution ทำให้สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายและครอบคลุม เราจึงมั่นใจในการเลือกนำสินค้าที่มีนวัตกรรมสูงของ LONGi มาให้ทาง NEPS เป็นผู้เปิดตลาดเจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทย ได้แก่ “HI-MO X6 Ultra Black” อีกทั้งสินค้าตัวนี้ ยังคว้ารางวัลระดับนานาชาติได้ถึง 2 รางวัล ได้แก่ รางวัล A’ Design Award & Competition และ  French Design Awards นอกจากนี้ LONGi เรายังเป็นบริษัทที่คิดค้นและผลิต BIPV หรือ เซลล์แสงอาทิตย์แบบผสานวัสดุอาคารรายต้นของโลก ซึ่งนับเป็นการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันด้านโซลาร์ ด้วยเทคโนโลยีที่ผสานเข้ากับวัสดุอาคาร เพื่อมุ่งสู่การสร้างอาคารเขียว (Green Building) ที่ไม่เพียงผลิตพลังงานไฟฟ้า แต่ยังสามารถป้องกันความร้อน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เรียกว่าเป็นการยกระดับธุรกิจพลังงานในไทยไปอีกขั้น ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าการผนึกกำลังกับ NEPS ในครั้งนี้ จะยิ่งเป็นการต่อยอดธุรกิจโซลาร์ของไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง”
 

ด้านการเปิดตัวสินค้าใหม่ ดร.สุธี ไตรวิวัฒนา ผู้อำนวยการด้านการขาย บริษัท ลอนจี กรีน เอเนอร์จี เทคโนโลยี จำกัด หรือ LONGi ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ LONGi ได้นำเทคโนโลยี  BC (Back Contact) คือ การเชื่อมวงจรทั้งหมดที่ด้านหลังของเซลล์ ทำให้หน้าแผงสามารถรับแสงได้ 100% จึงทำให้ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของเซลล์ที่มีเทคโนโลยี BC สูงกว่า 25%  ซึ่ง แผงโซลาร์เซลล์รุ่น HI-MO X6 Ultra Black” ที่มาพร้อมศักยภาพการผลิตไฟฟ้าได้ดีในสภาวะที่อุณหภูมิสูง และการแผ่รังสีต่ำ ทำให้การทำงานของตัวแผงโซลาร์เซลล์สามารถมีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าผลิตสูงถึง 23.2% ด้วยขนาด 1722 x 1134 x 30 mm โดยใช้ฟิล์ม POE ชนิดพิเศษห่อหุ้มแผงเซลล์ ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานสูง แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิและความชื้นสูง ควบคู่กับดีไซน์หรูหราสวยงามด้วยตัวแผงสีดำสนิท และพื้นผิวที่มีความหยาบทำให้แสงที่ตกกระทบลงมาไม่สะท้อนออก เพิ่มการดูดซับแสงได้ดีกว่าปกติ เหมาะสำหรับการติดตั้งบนหลังคาบ้านเรือน ที่ได้ทั้งเรื่องการประหยัดไฟและความสวยงาม  ขณะที่การรับประกันตัวแผงและวัสดุอยู่ที่ระยะเวลา 25 ปี และรับประกันประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ระยะเวลา 30 ปี ซึ่งถือว่าเป็นการรับประกันสินค้าและประสิทธิภาพที่สูงสุดในไทย”
 

“ขณะที่ BIPV” หรือ เซลล์แสงอาทิตย์ที่รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาคาร เป็นการนำแผงโซลาร์มาผสานกับวัสดุก่อสร้างที่ใช้ประกอบภายนอกอาคารได้  เช่น  กำแพง หน้าต่าง Façade ช่องกระจก หรือผนัง ซึ่งจะช่วยให้อาคารสามารถรับพลังงานแสงอาทิตย์ได้รอบด้าน โดย LONGi เป็นบริษัทต้นในโลกที่คิดค้น พัฒนา และผลิตด้วยตัวเอง 100%  BIPV มาพร้อมประสิทธิภาพสูงสุดถึง 25.80% ขณะเดียวกันในแง่ของงานดีไซน์สามารถแมตช์กับงานสถาปัตยกรรมได้ทุกรูปแบบ และ Custom ได้เองทั้งหมด ทั้ง ขนาด รูปทรง และสี  ทั้งนี้ทาง LONGi ได้กำหนด 5 สีหลักที่เหมาะสมกับงานดีไซน์อาคาร ได้แก่ Ocean Blue, Space Gray, Eclipse Red, Galaxy Silver และ Cosmic Beige และหากลูกค้าต้องการสีที่นอกเหนือจากทั้ง 5 สีนี้ก็สามารถกำหนดได้โดยการดู Code สีจากอาคารภายนอกของลูกค้าเอง มาพร้อมการรับประกันสินค้านานถึง 15 ปี รับประกันการผลิตพลังงาน 25 ปี และรับประกันตัวสี 10 ปี”

ในมุมมองนักออกแบบ นายวิญญู วานิชศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คเวล สตูดิโอ จำกัด และ เลขานุการและกรรมการสถาบันอาคารเขียวไทย เผยว่า “จากวิกฤตสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างหนักที่ผ่านมา ทำให้ทุกภาคส่วนเร่งหาวิธีการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ที่ใช้แนวทางการก่อสร้าง Green Building (อาคารเขียว) มาเป็นแนวทางเพื่อใช้แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลก โดยที่การติดตั้งโซลาร์เซลล์ ถือเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่สำคัญในการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน และวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ปัจจุบันมีการคิดค้นโซลาร์เซลล์ ที่ติดตั้งกับตัวบ้านหรือตัวอาคารได้อย่างเหมาะสม มีรูปทรงและสีสัน ที่ สวยงามส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับตัวบ้านและตัวอาคาร อย่างเช่นที่มาเปิดตัววันนี้คือ โซลาร์เซลล์  รุ่น HI-MO X6 Ultra Black ที่มีขนาดเล็กกว่าแผงทั่วไป แต่ให้ประสิทธิภาพมากกว่าแผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ และสำหรับแผงแบบ BIPV เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าสนใจ เพราะเราสามาถใช้ผนังอาคารส่วนทึบที่ในหลักการของอาคารที่ต้องประหยัดพลังงานนั้น จะต้องมี Windows to Wall Ratio หรือสัดส่วนหน้าต่างต่อผนังทึบ น้อยกว่า 0.5 หมายความว่าเรามีผนังทึบของอาคารมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ต้องออกแบบและเลือกวัสดุก่อสร้างที่ต้องแข็งแรง และมีผิวภายนอกในการทำหน้าที่ป้องกันสภาพแวดล้อมภายนอก ทั้งแดด ลม ฝน ความชื้นและความกดอากาศ ถ้าลองจินตนาการว่า จะดีแค่ไหน!? ถ้าผนังทึบนี้สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้ ทำให้ลดค่าไฟฟ้าและสร้างรายได้ให้โครงการได้ตลอดชีวิตของอาคาร สุดท้ายนี้ผมเชื่อว่า เทคโนโลยีด้านโซลาร์เซลล์ ยังพัฒนาด้านต่างๆ ต่อไปและสามารถสร้างจุดเปลี่ยนของโลกนี้ได้อีกมาก”

สำหรับภาพรวมตลาดโซลาร์ในปัจจุบันมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง **จากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบีพบว่า ตั้งแต่ปี 2565 ตลาดโซลาร์รูฟในประเทศไทยมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 22% และจะเติบโตไปถึง 6.7 หมื่นล้านบาทในปี 2568 ทั้งนี้ผลพวงมาจากการพัฒนาโซลาร์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ คนสามารถเข้าถึงโซลาร์รูฟได้มากกว่าแต่ก่อน อีกทั้งพฤติกรรมของคนในสังคม ที่เปลี่ยนแปลงไปก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คนอยู่บ้านมากขึ้น ทั้งเรื่องทำงานในรูปแบบ Work From Home , การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่ใช้ชีวิตในบ้านเป็นส่วนใหญ่, ปริมาณการเพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า (EV), กลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ (Pet Humanization) และข้อสำคัญคือ ค่าไฟฟ้าที่แพงมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดโซลาร์รูฟโตขึ้นเป็นเงาตามตัว

“ดังนั้นการทำการตลาด เพื่อพัฒนาสินค้าและหาจุดเด่นทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความสวยงามและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  จึงเป็นเรื่องสำคัญ การที่ NEPS ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายรายแรก และรายเดียวในไทยสำหรับตัว “HI-MO X6 Ultra Black” ซึ่งให้ทั้งประสิทธิภาพสูง ดีไซน์สวย เมื่อนำไปติดตั้งบนหลังคาบ้านแล้วจะเห็นเป็นสีดำสนิททั้งแผง ไร้รอยต่อ เหมาะกับบ้านที่เน้นความหรูหรา จึงนับเป็นโอกาสที่สำคัญของ NEPS ในการยกระดับสินค้าสำหรับผู้บริโภคไปพร้อมกับการตอกย้ำวิสัยทัศน์ร่วมกับ LONGi ในการขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน” นายตรีรัตน์ กล่าวปิดท้าย