ซีเน็กซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ในกลุ่มอาร์เค พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์แนวราบ ฉลองความสำเร็จหลังปิดการขายเฟสแรกของโครงการเดอะรักษ์ (The Rux) รามอินทรา-หทัยราษฎร์ในวันเดียว กวาดยอดขายไปกว่า 150 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายเฟสสองและเปิดโครงการใหม่อีก 1 โครงการคือ โครงการZENEX พหลโยธิน – รามอินทรา 5 ก่อนสิ้นปีนี้ เผยตุนยอดแบ็คล็อกเกิน 2.3 พันล้าน ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องจนถึง 2563 พร้อมตั้งเป้ายอดรายได้รวมปีนี้ 800 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 100% ล่าสุด เดินหน้าปั้นโครงการใหม่เพิ่มยึดพื้นที่โซนกรุงเทพตะวันออก
นายวรยุทธ กิตติอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเน็กซ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในกลุ่มอาร์เค พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า “เมื่อต้นปี บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมในปี 2561 ไว้ที่ 800 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 100% ซึ่งผลประกอบการครึ่งปีแรกเป็นไปตามคาดหมาย และมีแนวโน้มสูงที่บริษัทฯ จะสามารถทำได้ทะลุเป้าที่กำหนด หลังล่าสุดบริษัทฯ สามารถปิดการขายโครงการ The Rux รามอินทรา-หทัยราษฎร์ เฟสที่หนึ่ง จำนวน 30 ยูนิต ได้หมดในวันเดียว ทำรายได้ทะลุ 150 ล้านบาท และพร้อมเปิดเฟสสองอีกจำนวน 66 ยูนิต ในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้ากลุ่มครอบครัวคนรุ่นใหม่ Micro Family เป็นอย่างดีเช่นกัน”
โครงการ The Rux รามอินทรา-หทัยราษฎร์ เป็นโครงการบ้านเดี่ยว-บ้านเออเบิร์นยูทิลิตี้ (Urban Utility) จำนวน 96 ยูนิต มูลค่าก่อสร้างโครงการรวม 450 ล้านบาท ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 25 ไร่ ทำเลดีบนถนนไทยรามัญ ห่างจาก ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ทางลงจตุโชติเพียง 7 นาที ใกล้ทางพิเศษกาญจนาภิเษก วงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร ฝั่งตะวันออก และรถไฟฟ้าสายสีชมพูบนถนนรามอินทรา แบ่งออกเป็นเฟสหนึ่งจำนวน 30 ยูนิต ประกอบบ้านสองประเภท ได้แก่ Type A 2 ชั้น เนื้อที่ตั้งแต่ 40 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 139 ตารางเมตร
3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 1 ห้องครัว ราคาเริ่มต้นที่ 3.69 ล้านบาท ส่วน Type B จะเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ตั้งแต่ 56 ตารางวา มีพื้นที่ใช้สอยถึง 180 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ เพิ่มห้องนั่งเล่น และครัวไทยแยกส่วน
นายวรยุทธ กล่าวต่อว่า “โครงการ The Rux มีจุดเด่นที่เหนือกว่าโครงการอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง ตรงที่ความคุ้มค่า โดยรวมที่ได้รับจากการลงทุน ผู้ซื้อไม่เพียงแต่จะได้บ้านสวยทันสมัยบนทำเลดี เดินทางเข้าถึงสะดวก ใกล้แหล่ง ชุมชนและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งศูนย์การค้าและโรงพยาบาล นอกจากนี้ ตัวบ้านยังมีขนาดใหญ่ที่ ออกแบบให้ผู้อาศัยมีพื้นที่ใช้สอยได้อย่างเต็มที่ โดยตัวบ้านจะมีหน้ากว้างถึง 15 เมตร เพดานสูงโปร่ง 2.9 เมตร
เลือกใช้วัสดุตกแต่งภายในคุณภาพสูง เช่น สุขภัณฑ์จากแบรนด์ Kohler กระเบื้องปูพื้นนำเข้าจากอิตาลี กระเบื้อง ผนังห้องน้ำแบบ 3 มิติ ราวกันตกระเบียงที่เป็นกระจกนิรภัย อีกทั้งในบ้านทุกหลังยังจะติดตั้งนวัตกรรมเพื่อความ ปลอดภัย ทั้งระบบ Digital Door Lock ที่ใช้การสแกนลายนิ้วมือ และระบบกันขโมยแบบ Motion Sensor 2 จุด ส่วนถนนหลัก ของเมน โครงการฯ ยังกว้างถึง 12 เมตร ให้ความรู้สึกโล่ง กว้าง ร่มรื่น
“นอกจากโครงการ The Rux แล้ว ทางกลุ่มบริษัทฯ ยังมียอดแบ็คล็อกอยู่อีก 1.7 พันล้านบาท ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ไปจนถึงปี 2563 โดยมาจากการขายโครงการที่มีในปัจจุบัน ได้แก่ RK Park รามอินทรา-ซาฟารี, RK Park วัชรพล-สายไหม รวมถึงโครงการมิกซ์ยูสอย่าง The Eiffel รามคำแหง-มิสทีน และ Zenex พหลโยธิน-รามอินทรา 5 ที่มีทั้งทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ และบ้านเดี่ยว”
“ซีเน็กซ์ และบริษัทในกลุ่มจะยังคงมุ่งพัฒนาสินค้าที่อยู่อาศัยในแนวราบ ซึ่งจะยังยึดโซนกรุงเทพตะวันออกเป็น
ทำเลหลัก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านจำนวนประชากร ธุรกิจร้านค้า สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบขนส่งคมนาคม ทั้งยังมีเมกะโปรเจ็ก อย่างโครงการพัฒนาท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ เฟสสอง ถนนวงแหวนรอบนอก กรุงเทพกรีฑา ศรีนครินทร์ รถไฟฟ้าสายสีส้มศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี รถไฟฟ้าสายสีชมพูแคราย – มีนบุรี ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการภายในปี 2563 บริษัทฯ ยังตั้งเป้าจะเปิดตัวโครงการใหม่ปีละ 2-3 โครงการ โดยมีสัดส่วนสินค้าที่เป็นทาวน์โฮม 77% โฮมออฟฟิศ 10% และบ้านเดี่ยว 13%” นายวรยุทธ กล่าวทิ้งท้าย