ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) กล่าวว่า สินค้าที่มีการพัฒนาในมูลค่าสูงๆ แสดงว่ายังเป็นที่ต้องการอยู่มาก ในขณะที่สินค้าที่ได้รับการพัฒนาน้อย แสดงว่าความต้องการมีจำกัด สินค้าที่ได้รับการนิยมสร้างกันมากที่สุด (ตามมูลค่าการพัฒนา) มีดังต่อไปนี้:
สินค้ายอดนิยม
อันดับที่ 1 โครงการอาคารชุด ระดับราคา 5.001-10.000 ล้านบาท รวมมูลค่า 60,948 ล้านบาท หรือคิดเป็นถึง 15% ของมูลค่าการเปิดตัวทั้งหมด กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่าสินค้าห้องชุดราคาแพงครองตลาดเป็นสำคัญ
ที่ 2 โครงการอาคารชุด ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท รวมมูลค่า 55,494 ล้านบาท หรือคิดเป็นถึง 14% ของมูลค่า playing foundation การเปิดตัวทั้งหมด กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่าสินค้าห้องชุดราคาปานกลางค่อนข้างสูงครองตลาดเป็นสำคัญ
อันดับที่ 3 โครงการอาคารชุด ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท รวมมูลค่า 43,982 ล้านบาท หรือคิดเป็นถึง 11% ของมูลค่าการเปิดตัวทั้งหมด กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่าสินค้าห้องชุดราคาปานกลางนี้เป็นที่ต้องการของตลาด แต่กำลังซื้อลดลง
อันดับที่ 4 โครงการทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท รวมมูลค่า 35,220 ล้านบาท หรือคิดเป็นถึง 9% ของมูลค่าการเปิดตัวทั้งหมด กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่าสินค้าทาวน์เฮาส์ราคาปานกลางนี้เป็นที่ต้องการของตลาด แต่กำลังซื้อลดลง
อันดับที่ 5 โครงการอาคารชุด ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท รวมมูลค่า 30,310 ล้านบาท หรือคิดเป็นถึง 7% ของมูลค่าการเปิดตัวทั้งหมด กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่าสินค้าทาวน์เฮาส์ราคาปานกลางนี้เป็นที่ต้องการของตลาด แต่กำลังซื้อลดลง
อันดับที่ 6 โครงการบ้านเดี่ยว ระดับราคา 5.001-10.000 ล้านบาท รวมมูลค่า 25,523 ล้านบาท หรือคิดเป็นถึง 6% ของมูลค่าการเปิดตัวทั้งหมด กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่าสินค้าราคาแพงเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอันมาก
อันดับที่ 7 โครงการอาคารชุด ระดับราคา > 20.000 ล้านบาท รวมมูลค่า 24,977 ล้านบาท หรือคิดเป็นถึง 6% ของมูลค่าการเปิดตัวทั้งหมด กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่าสินค้าห้องชุดราคาแพงมีจำนวนน้อยและมูลค่าสูงมาก
อันดับที่ 8 โครงการอาคารชุด ระดับราคา 10.001-20.000 ล้านบาท รวมมูลค่า 22,325 ล้านบาท หรือคิดเป็นถึง 5% ของมูลค่าการเปิดตัวทั้งหมด กรณีนี้ก็สะท้อนให้เห็นว่าสินค้าห้องชุดราคาแพงมีจำนวนน้อยและมูลค่าสูงมาก
อันดับที่ 9 โครงการทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท รวมมูลค่า 22,167 ล้านบาท หรือคิดเป็นถึง 5% ของมูลค่าการเปิดตัวทั้งหมด กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่าสินค้าทาวน์เฮาส์ราคาปานกลางค่อนข้างสูงครองตลาดเป็นสำคัญ
ในทางตรงกันข้าม ยังมีสินค้าที่ได้รับการพัฒนาน้อยมาก หรือเกือบไม่ได้พัฒนาเลย ทั้งนี้คงเป็นเพราะต้นทุนค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น และตลาดไม่นิยมมากนัก ดร.โสภณ ได้ยกตัวอย่างสินค้าที่มีมูลค่าการพัฒนาน้อยมากที่สุด 9 อันดับไว้พิจารณา ดังนี้:
อันดับที่ 1 โครงการบ้านเดี่ยว ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท รวมมูลค่า 13 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพียง 0% ของมูลค่าการเปิดตัวทั้งหมด กรณีนี้สะท้อนว่าต้นทุนค่าก่อสร้างของสินค้าบ้านเดี่ยวระดับนี้เป็นไปแทบไม่ได้
อันดับที่ 2 โครงการบ้านเดี่ยว ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท รวมมูลค่า 21 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพียง 0% ของมูลค่าการเปิดตัวทั้งหมด กรณีนี้สะท้อนว่าต้นทุนค่าก่อสร้างของสินค้าบ้านเดี่ยวระดับนี้เป็นไปได้ยากมาก
อันดับที่ 3 โครงการตึกแถว ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท รวมมูลค่า 41 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพียง 0% ของมูลค่าการเปิดตัวทั้งหมด กรณีนี้สะท้อนว่าต้นทุนค่าก่อสร้างของสินค้าตึกแถวระดับนี้เป็นไปได้ยากมาก
อันดับที่ 4 โครงการบ้านแฝด ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท รวมมูลค่า 53 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพียง 0% ของมูลค่าการเปิดตัวทั้งหมด กรณีนี้สะท้อนว่าต้นทุนค่าก่อสร้างของสินค้าบ้านแฝดระดับนี้เป็นไปแทบไม่ได้
อันดับที่ 5 โครงการตึกแถว ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท รวมมูลค่า 58 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพียง 0% ของมูลค่าการเปิดตัวทั้งหมด กรณีนี้สะท้อนว่าต้นทุนค่าก่อสร้างของสินค้าตึกแถวระดับนี้เป็นไปแทบไม่ได้
อันดับที่ 6 โครงการทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 10.001-20.000 ล้านบาท รวมมูลค่า 164 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพียง 0% ของมูลค่าการเปิดตัวทั้งหมด กรณีนี้ชี้ว่าถ้ามีเงินซื้อทาวน์เฮาส์ราคานี้ น่าจะซื่อตึกแถวมากกว่า
อันดับที่ 7 โครงการทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 0.501-1.000 ล้านบาท รวมมูลค่า 447 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพียง 0% ของมูลค่าการเปิดตัวทั้งหมด กรณีนี้สะท้อนว่าต้นทุนค่าก่อสร้างของสินค้าทาวน์เฮาส์ระดับนี้เป็นไปแทบไม่ได้
อันดับที่ 8 โครงการตึกแถว ระดับราคา > 20.000 ล้านบาท รวมมูลค่า 457 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพียง 0% ของมูลค่าการเปิดตัวทั้งหมด กรณีนี้ชี้ว่าตึกแถวระดับราคานี้ เป็นสินค้าเฉพาะ คงเกิดได้ยาก
อันดับที่ 9 โครงการอาคารชุด ระดับราคา 0.501-1.000 ล้านบาท รวมมูลค่า 594 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพียง 0% ของมูลค่าการเปิดตัวทั้งหมด กรณีนี้สะท้อนว่าต้นทุนค่าก่อสร้างของสินค้าตึกแถวระดับนี้เป็นไปแทบไม่ได้
บริษัทหรือโครงการใดนำเสนอสินค้าไหนที่เป็นที่ต้องการ มีโอกาสมาก ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จ แต่หากไม่ทราบข้อมูลตลาดเท่าที่ควร พัฒนาโดยไร้ทิศผิดทาง ก็อาจทำให้เกิดปัญหาในการพัฒนาได้เช่นกัน