แสนสิริโชว์ผลงาน 9 เดือน โกย Secured Revenue 90% จากเป้ารายได้
ไตรมาส 3 ยอดขายทะลัก 7,900 ล้านบาท โต 139%
เผยไตรมาส 4 เปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 5,000 ลบ. รับสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น
มองอสังหาฯ บวก เตรียมแผนขยายธุรกิจ ประกาศรับซื้อดิน 10 ทำเล รอบกรุงเทพฯ
- แสนสิริ (SIRI) ตอกย้ำความแข็งแกร่งในธุรกิจอสังหาฯ โชว์ผลงานรอบ 9 เดือนปี 64 กวาดยอดขายทะลุ 25,500 ล้านบาท ไตรมาส 3 โกยยอดขายทะลัก 7,900 ล้านบาท โตขึ้น 139% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 3,300 ล้านบาท พร้อมสร้างผลงานยอดโอนรอบ 9 เดือนพุ่งรวม 23,700 ล้านบาท
- มั่นใจผลงานตามเป้า จากการมี Secured Revenue ในช่วง 9 เดือนแล้วถึง 90 %จากเป้ารายได้ 27,600 ล้านบาท ตอกย้ำความเชื่อมั่นและสะท้อนความแข็งแกร่งของแสนสิริ
- เผยไตรมาสสุดท้าย เตรียมเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท รับสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น แบ่งเป็น 4 คอนโดมิเนียม มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท และ 3 โครงการแนวราบ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท รองรับความต้องการทุกเซกเมนต์ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของแสนสิริในการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการมีบ้านของคนทุกกลุ่ม
- เตรียมแผนขยายธุรกิจ ประกาศรับซื้อที่ดิน 10 ทำเล รอบกรุงเทพฯ – ปริมณฑล รับเศรษฐกิจ – อสังหาฯ ได้แรงบวก หลังคลายล็อคคุมโควิด
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า แสนสิริมีผลงานที่แข็งแกร่งในรอบ 9 เดือน โดยสร้างยอดขายรวมได้ถึง 25,500 ล้านบาท คิดเป็น 82% จากเป้าหมายยอดขาย 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายจากโครงการแนวราบ 17,300 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 8,200 ล้านบาท โดยผลงานในไตรมาสที่ 3 บริษัทมียอดขายสูงถึง 7,900 ล้านบาท โตขึ้น 139% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขาย 3,300 ล้านบาท
“ความสำเร็จของยอดขายในรอบ 9 เดือน มาจากการปิดการขายโครงการ 5 โครงการทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม นอกจากนี้แสนสิริยังตอกย้ำความสำเร็จของการเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาฯ ไทยในตลาดซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ด้วยความสำเร็จของโครงการ “BuGaan เอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์” ระดับราคา 35.9 – 80 ล้านบาท ที่จ่อคิวปิดการขาย รวมทั้งการเป็น “ผู้นำการพัฒนาแบรนด์บ้านเดี่ยวระดับบน” ด้วยยอดขายจากแบรนด์เศรษฐสิริ และ บุราสิริ ที่มียอดขายที่ดีต่อเนื่อง อาทิ เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา2, เศรษฐสิริ พระราม 5 และเศรษฐสิริ จรัญฯ – ปิ่นเกล้า2 เป็นต้น ขณะที่ทาวน์โฮมแบรนด์ สิริ เพลส ซีรีย์ใหม่ “Dream Destination” ที่รุกเปิดตัวในปีนี้ก็ได้รับความสนใจและกระแสตอบรับที่ดีในทั้ง 2 โครงการ ทั้ง สิริ เพลส บางนา-เทพารักษ์ ที่พัฒนาจากแรงบันดาลใจการออกแบบจากมหานครนิวยอร์ก และสิริ เพลส วงแหวน – ลำลูกกา แรงบันดาลใจการออกแบบจากเสน่ห์แห่งเมืองเกียวโต พร้อมเตรียมเปิดตัวทาวน์โฮม สิริ เพลส โครงการใหม่ ในซีรีย์ “Dream Destination” อีกหลายทำเลต่อยอดความสำเร็จในเร็วๆ นี้
ยังรวมถึง ความสำเร็จของยอดขายคอนโดมิเนียมในช่วง 9 เดือน ที่ประสบความสำเร็จครอบคลุมทุกเซกเมนต์ อาทิ คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค, โอกะ เฮาส์ และเดอะ เบส สะพานใหม่ เป็นต้น โดยบริษัทยังได้ปิดการขายโครงการ ดีคอนโด ธาร จรัญฯ ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมไฮไลท์ด้วยความร้อนแรงของซีรีย์คอนโดมิเนียมแบรนด์ THE MUVE (เดอะ มูฟ) แบรนด์คอนโดน้องใหม่จากแสนสิริ หนึ่งในโปรดักส์ไฮไลท์ในปีนี้ ที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นของแสนสิริ ในการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการมีบ้านของคนทุกกลุ่มและรองรับเซกเมนต์ในระดับราคาที่เข้าถึงง่าย สร้างความสำเร็จได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากกลุ่มลูกค้าไทยและชาวต่างชาติ ตั้งแต่ “เดอะ มูฟ เกษตร” ตามมาด้วย “เดอะ มูฟ ราม 22” ที่ Sold Out! รวดทุกยูนิตที่เปิดขายในทั้ง 2 โครงการ สะท้อนความเป็นเบอร์หนึ่งเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมของแสนสิริอย่างแท้จริง และมีแนวโน้มจะส่งต่อความสำเร็จไปยัง เดอะ มูฟ บางนา/เดอะ มูฟ บางแค และ เดอะ มูฟ ประดิพัทธิ์ อีก 3 คอนโดน้องใหม่ซีรีย์ฮอตแห่งปี ที่เตรียมเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 ต่อไป
นอกจากนี้ แสนสิริยังมีผลงานการโอนที่โดดเด่นในรอบ 9 เดือน โดยมียอดโอนโครงการรวมทั้งแนวราบและแนวสูงถึง 23,700 ล้านบาท หรือคิดเป็น 76% จากเป้าหมายยอดโอน 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม ในสัดส่วน 52 : 48 โดยไตรมาสสุดท้าย บริษัทยังมียอดโอนต่อเนื่องจากคอนโดมิเนียมเอดจ์ เซ็นทรัล – พัทยา คอนโดไลฟ์สไตล์สุดพีคใจกลางพัทยา และ ดีคอนโด ไฮด์อเวย์ – รังสิต รองรับการรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ตามเป้าหมายรายได้จากการขายที่วางไว้ 27,600 ล้านบาท โดยล่าสุด แสนสิริมี Secured Revenue หรือรายได้ในมือที่รองรับแล้วถึง 24,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 90% จึงคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้ารายได้ที่วางไว้
“แสนสิริยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 4 อีก 7 โครงการ มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 โครงการแนวราบ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท ได้แก่ “DEMI สาธุ 49” ดีลักซ์ ทาวน์โฮมจากแสนสิริ ราคา 17.9 – 35 ล้านบาท, โครงการฮาบิเทีย ไพร์ม ราชพฤกษ์ บ้านเดี่ยวในสังคมส่วนตัวเพียง 10 ยูนิต ราคา 7 – 9 ล้านบาท เปิดชมครั้งแรก 30 – 31 ตุลาคมนี้ และโครงการอณาสิริ รังสิต บ้านสไตล์ญี่ปุ่น เริ่ม 4.59 – 7 ล้านบาท เปิดชมครั้งแรกธันวาคมนี้ นอกจากนี้เพื่อต่อยอดความสำเร็จของการเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวระดับบน จากยอดขายที่ดีของแบรนด์บ้านเดี่ยวเศรษฐสิริและบุราสิริ แสนสิริยังได้เตรียมเปิดขายบ้านดีไซน์ใหม่ใน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการบุราสิริ พหล-วัชรพล บ้านบรรยากาศรีสอร์ท พร้อม Courtyard ในราคา 13.99 – 22 ล้านบาท, เศรษฐสิริ จรัญฯ – ปิ่นเกล้า 2 บ้านดีไซน์ใหม่ พร้อม Double Volume ในราคา 12 – 25 ล้านบาท และเศรษฐสิริ พหล – วัชรพล บ้านวิวสวน พร้อม Double Volume ในราคาเริ่ม 18.99 ล้านบาท ในวันที่ 16 – 17 ตุลาคมนี้อีกด้วย ขณะที่แผนการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในช่วงไตรมาสสุดท้าย แสนสิริเตรียมเปิดตัว 4 โครงการคอนโดมิเนียม ราคาเข้าถึงง่าย มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท ได้แก่ “เดอะ มูฟ ประดิพัทธิ์” ทำเลคอมมูนิตี้ ใจกลางเมืองเพียง 500 เมตร จาก BTS สะพานควาย เริ่ม 2.19 ล้านบาท เตรียมเปิดให้จองสิทธิ์มาก่อนได้ก่อนเร็ว ๆ นี้ และ “เดอะ มูฟ บางแค” ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีบางแคเพียง 190 เมตร เริ่ม 1.39 ล้านบาท เตรียมเปิดพรีเซลล์ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดตัว “ดีคอนโด พนา” คอนโดใหม่ ใกล้ MRT บางขุนนนท์ ส่วนกลางครบ พร้อมพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ เริ่ม 1.59 – 3.99 ล้านบาท เปิดจองวันที่ 6 – 7 พฤศจิกายนนี้ พร้อมเตรียมเปิดตัวแบรนด์คอนโดมิเนียมใหม่ “condo me” คอนโด มี นวนคร มีคอนโดง่ายๆ เฟอร์นิเจอร์ครบ พร้อมอยู่ ราคาต่ำล้าน เริ่ม 999,999 บาท เปิดจองวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ ตอบรับความต้องการกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้นและตอกย้ำความมุ่งมั่นของแสนสิริในการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการมีบ้านของคนทุกกลุ่ม” นายอุทัย กล่าว
แสนสิริมองเห็นโอกาสที่ดีหลังสถานการณ์โควิดที่เริ่มคลี่คลาย ซึ่งหากรัฐสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาได้เร็วก็จะส่งผลที่ดีต่อตลาดอสังหาฯ ตามไปด้วย ทั้งนี้ แสนสิริมองแง่บวกถึงทิศทางในปี 2565 หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ที่ต้องปรับตัวให้เร็ว รองรับความต้องการลูกค้าและการกลับมาของตลาด เพื่อพร้อมวิ่งก่อนใคร โดยบริษัทได้เตรียมแผนขยายธุรกิจ ประกาศรับซื้อที่ดินจำนวนมาก 10 ทำเล รอบกรุงเทพฯ – ปริมณฑล โดยมีทำเลไฮไลท์ที่ต้องการ ได้แก่ 1. ทำเลสายไหม – วัชรพล – สุขาภิบาล 5, 2. ทำเลรามอินทรา – เกษตร-นวมินทร์ – ประดิษฐ์มนูธรรม 3. ทำเลพระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา – รามคำแหง – มีนบุรี 4. ทำเลบางนา – อ่อนนุช – ศรีนครินทร์ – กิ่งแก้ว – ลาดกระบัง 5. ทำเลพระราม 3 – พระราม 2 – สุขสวัสดิ์ – ประชาอุทิศ 6. ทำเล ราชพฤกษ์ – พระราม 5 – รัตนาธิเบศร์ 7. ทำเลเพชรเกษม – พุทธมณฑล – ศาลายา 8. ทำเลราชเทวี – ปทุมวัน –พระราม 4 – สุขุมวิท – สาทร 9. ทำเลจตุจักร – รัชดา – ลาดพร้าว และ 10. ทำเลธนบุรี – คลองสาน – บางรัก – เจริญกรุง – เจริญนคร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือเสนอขายได้ทาง www.sansiri.com และโทร.1685