PRI โชว์ผลงานปี 66 สุดแกร่ง “ออลไทม์ไฮ” กวาดรายได้รวม 1,916 ล้าน โตทะยาน 109%
พร้อมกำไรสุทธิ 368 ล้าน ตอกย้ำผู้นำธุรกิจการให้บริการเกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร
พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น หรือ PRI เผยผลประกอบการธุรกิจบริการอสังหาฯ ปี 2566 โตเกินเป้า สร้างออลไทม์ไฮ กวาดรายได้ 1,916 ล้านบาท เติบโต 109% ทะลุเป้าหมายทั้งปี พร้อมโกยกำไรสุทธิรวม 368 ล้านบาท เติบโต 53% แจกปันผลหุ้นละ 1.03 บาท เตรียมแถลงแผนปี 67 ต้นเดือนมีนาคม มุ่งเดินหน้าสร้างผลการดำเนินงานที่ต่อเนื่องและยั่งยืน (Recurring Income) พร้อมขยายฐานลูกค้า เร่งสร้างการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ ขับเคลื่อนสู่การเป็น Happy Maker
นายสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI ผู้นำธุรกิจการให้บริการเกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,916 ล้านบาท เติบโตขึ้น 109% เมื่อเทียบกับปี 2565 และเป็นรายได้ที่เกินกว่าเป้ารายได้ที่ตั้งเอาไว้ 1,300 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวม อยู่ที่ 368 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปี 2565 โดยในไตรมาส 4/2566 (ต.ค.-ธ.ค.2566) ถือเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญ ที่ช่วยผลักดันให้บริษัทฯ มีการเติบโตทะลุเป้าหมาย โดยมีรายได้สูงถึง 570 ล้านบาท เติบโต 84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565
“การเติบโตดังกล่าวมาจากการวางรากฐานด้านการขยายฐานลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ไปจนถึงการขยายธุรกิจใหม่ๆ หรือ New Business อย่างต่อเนื่อง ทั้งผ่านการร่วมทุน และเข้าซื้อกิจการ ส่งผลให้มีบริษัทหลักในเครือเพิ่มเป็น 14 บริษัท จาก 8 บริษัท ครอบคลุมการให้บริการในทุกมิติและทุกช่วงเวลาในการใช้ชีวิตของลูกค้า เพื่อให้ธุรกิจในภาพรวมของเรา มีความครบวงจร เป็น Super Living Service ที่จะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบถ้วนสมบูรณ์ วันนี้รากฐานที่เราสร้างไว้อย่างแข็งแกร่ง รวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ได้ส่งผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง ออกมาเป็นผลการดำเนินงานที่ทะลุเป้าหมายทั้งปีที่เคยวางไว้” นายสุรินทร์ กล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจทั้ง 3 กลุ่ม ของ PRI ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มธุรกิจต้นน้ำ – บริการก่อนเข้าอยู่อาศัย (Pre-Living Services) กลุ่มธุรกิจกลางน้ำ – บริการการจัดการเพื่อการอยู่อาศัย (Living Services) และกลุ่มธุรกิจปลายน้ำ – บริการหลังการขายที่อยู่อาศัย (Living & Earning Services) มีการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2566 ซึ่งช่วยผลักดันการสร้างรายได้ที่ต่อเนื่อง (Recurring Income) อย่างยั่งยืนในอนาคต โดยสังเกตได้จากจำนวนโครงการที่เข้ารับบริหาร ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 200 โครงการ เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีโครงการรับบริหารอยู่เพียง 150 โครงการ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเข้าถือหุ้นกิจการ บริษัท โปรเจคส์เอเชีย จำกัด หนึ่งในผู้นำที่ปรึกษาทางวิศวกรรม รวมถึงงานบริหารและควบคุมงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้ PRI มีฐานการสร้าง Recurring Income ที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ PRI ยังได้มีการจัดตั้งบริษัทใหม่ในกลุ่มธุรกิจกลางน้ำ เพื่อรองรับการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น การร่วมทุนกับ บริษัท ฟอร์วิซ จำกัด (Forviz) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้าน Digital Solution จัดตั้งบริษัท ลิฟเทค แล็บ จํากัด (LivTech Lab) เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาเทคโนโลยีด้านการบริการ และเทคโนโลยีด้านการอยู่อาศัย รองรับการพัฒนาการให้บริการเกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรของ PRI ให้ไปสู่ธุรกิจการให้บริการเกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรยุคใหม่ ผ่านการพัฒนาระบบเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ทุกช่วงเวลาของการใช้ชีวิตและการอยู่อาศัยของลูกค้า (Service Tech & Living Tech Solutions) นอกจากนี้ PRI ยังจับมือกับ บริษัท โธรน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (Throne Property Co., Ltd.) และ บริษัท โนวนี แอสเสท จำกัด (Novany Asset) 2 บริษัทโบรกเกอร์ตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสบการณ์ด้านการขายอสังหาริมทรัพย์ไทยให้แก่ชาวต่างชาติกว่า 10 ปี จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ “แพสชั่น แอสเสท 360” (Passion Asset 360) เพื่อดำเนินธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติ นอกจากนี้ PRI ยังจัดตั้ง บริษัท จัส โค ออน จำกัด (JUST CO ON) เพื่อดำเนินธุรกิจด้านนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์การให้บริการด้านนายหน้าอสังหาริมทรัพย์กับ Lifestyle ของกลุ่มลูกค้า Luxury
นายสุรินทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตผ่านการขยายฐานลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ไปจนถึงการขยายธุรกิจใหม่ๆ ช่วยสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งในระยะยาวให้กับธุรกิจ ขณะเดียวกัน ยังคงเดินหน้าขยายอาณาจักร Super Living Service ต่อเนื่อง ผ่านการพิจารณาร่วมทุน (Joint Venture) กับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจนั้น ตลอดจนการพิจารณาเข้าซื้อกิจการ (M&A) เพื่อขยายขอบเขตธุรกิจบริการใหม่ๆ ให้ครบวงจรมากขึ้น ทั้งกลุ่มต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ในหลากหลายมิติ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยจะมีการแถลงแผนการดำเนินธุรกิจปี 2567 ในช่วงต้นเดือนมีนาคมนี้
จากผลการดำเนินงานที่ทำได้เกินเป้าหมาย ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติเห็นชอบให้จ่ายปันผลสำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทงวด 6 เดือนสุดท้ายของปี 2566 ในอัตรา 1.0313 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินปันผลจ่ายเป็นเงินสดทั้งสิ้นไม่เกิน 330 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 14 มี.ค. 2567 และมีกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม 2567