RML ปรับกลยุทธ์ รับมือผลกระทบโควิด-19 เร่งแผนเพิ่มรายได้ เสริมสภาพคล่องและกระแสเงินสด

RML ปรับกลยุทธ์ รับมือผลกระทบโควิด-19
เร่งแผนเพิ่มรายได้ เสริมสภาพคล่องและกระแสเงินสด
 

RML เผยแผนเพิ่มรายได้และเสริมสภาพคล่องทางการเงิน รับมือผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ปิดการขาย 2 โครงการ กระแสตอบรับดีเกินคาด ปั๊มรายได้จากยอดจองพรีเซลล์กว่า 599 ล้านบาท พร้อมบริหารจัดการต้นทุนการขายและบริการ เสริมความแข็งแกร่งกระแสเงินสดเพื่อการลงทุนในอนาคต ผลประกอบการไตรมาส 1/63  รายได้ 424 ล้านบาท ขาดทุน 139 ล้านบาท

นายไลโอเนล ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) ( RML) ผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ของลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ ข้อจำกัดงดการเดินทางทำให้ลูกค้าชาวต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้ามาประเทศไทยได้ จึงส่งผลให้การโอนโครงการเป็นไปได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทดำเนินการต่อเนื่องตามแผนที่จะปรับตัวให้รับกับสถานการณ์นี้ โดยการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและใช้กลยุทธ์การขายที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เพื่อเสริมความมั่นคงของสถานะเงินสด บริษัทเชื่อมั่นว่าจากการปรับกลยุทธ์ดังกล่าวจะทำให้บริษัทฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งหลังวิกฤตนี้ผ่านพ้นไป

ขณะที่ ช่วงไตรมาส 1/2563 RML ดำเนินการปิดการขาย 2 โครงการ ได้แก่ Mews Yen Akat และ The Lofts Asoke ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ปิดการขายโครงการที่เหลืออยู่ ถือว่ามีกระแสตอบรับที่ดี ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย โดยเมื่อรวมกับยอดขาย (Presales) จากโครงการอื่น ๆ ส่งผลให้บริษัทมียอดขายอยู่ที่ 599 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ซึ่งมาช่วยเสริมความมั่นคงของสถานะเงินสดของบริษัทได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะรักษากระแสเงินสดไว้เพื่อชำระคืนหุ้นกู้มูลค่า 712 ล้านบาท จากผู้ถือหุ้นกู้ในเดือน มิ.ย. 2563 โดย RML  เป็นผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้ค่อนข้างต่ำ อีกทั้งคำนึงถึงการรักษาสภาพคล่องทางการเงินเป็นสำคัญ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ บริษัทได้พยายามกระตุ้นความต้องการในตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายโดยใช้กลยุทธ์ O2O (Online to Offline) โปรโมทผ่านช่องทางออนไลน์ โดยทำให้ลูกค้าสามารถดูห้องตัวอย่างได้แบบเสมือนจริง ก่อนที่จะเข้าไปเยี่ยมชมที่โครงการ โดยกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในสถานการณ์ปิดเมืองหรืองดการเดินทาง
ทั้งนี้ ด้วยมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวด ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโรงแรมโดยรวม บริษัทจำเป็นต้องเลื่อนการเปิดตัวโรงแรม Hotel KITCH ไปเป็นช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้แทน จากเดิมวางแผนเปิดตัวในเดือน เม.ย. 2563  อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าในระยะกลางถึงระยะยาว อุตสาหกรรมโรงแรมจะสามารถกลับมาดีขึ้นได้แน่นอนเมื่อประเทศไทยและทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 โดยบริษัทยังมุ่งเน้นหาโอกาสในการลงทุนและขยายกิจการโรงแรมเพิ่มเติม รวมถึงสร้างฐานธุรกิจให้มีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ต่างๆ โดยขยายสัดส่วนรายได้ประจำให้มีความหลากหลายมากขึ้น

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2563 บริษัทมีรายได้รวม 424 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 1,039.0 ล้านบาท จำนวน 615 ล้านบาท หรือลดลง 71% โดยสัดส่วนรายได้ 366 ล้านบาท หรือ 86 %มาจากยอดโอนรวม 5 โครงการ ซึ่งรายได้ที่ลดลงในไตรมาสนี้เกิดจากข้อจำกัดงดการเดินทางที่ทำให้ลูกค้าชาวต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพื่อดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ รวมถึงโครงการ The Lofts Silom  ซึ่งมีสัดส่วนลูกค้าชาวต่างชาติมากถึง 37% นอกจากนี้ รายได้จากธุรกิจอาหาร จำนวน 8 ล้านบาท ธุรกิจให้เช่า บริการ และบริหารจัดการโครงการ จำนวน 18 ล้านบาท  รายได้อื่น ๆ จำนวน 31 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 139 ล้านบาท  ซึ่งเท่ากับขาดทุนสุทธิ 0.03 ต่อหุ้น
ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ณ วันที่ 31 มี.ค. 2563 อยู่ที่ 7,881 ล้านบาท รวมทั้งหมด  8 โครงการ ได้แก่ โครงการ Tait12  30%, โครงการ The Lofts Silom 26%, โครงการ The Estelle Phrom Phong 7%, โครงการ The Lofts Ratchathewi 2%, และโครงการอื่น ๆ 3%