RT กางแผนธุรกิจ ตั้งเป้ารายได้ปี 64 ทำนิวไฮ โตไม่ต่ำกว่า 20% ที่ 3,600 ล้านบาท
ปรับกลยุทธ์เชิงรุกเน้นรับงานมาร์จิ้นสูงและงานโครงสร้างพื้นฐานทุกรูปแบบ ดัน Backlog แตะ 7,000 ล้าน
RT กางแผนธุรกิจ ตั้งเป้ารายได้ปี 64 ทำนิวไฮต่อเนื่อง โตไม่ต่ำกว่า 20% แตะ 3,600 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 22% ปรับกลยุทธ์เชิงรุกเน้นรับงานมาร์จิ้นสูงและงานโครงสร้างพื้นฐานทุกรูปแบบ อาทิ งานอุโมงค์ งานเขื่อน งานถนน หนุน Backlog 7,000 ล้านบาท รับรู้ปี 64-66 พร้อมลงทุนเพิ่มเครื่องจักร-คลังสินค้า รองรับงานภาครัฐและเอกชน ล่าสุดจ่อเซ็นสัญญาคว้างานก่อสร้างระบบระบายน้ำ จ.เชียงใหม่ มูลค่า 280 ล้านบาท
นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค เปิดเผยว่า ปี 64 บริษัทตั้งเป้ารายได้ทำนิวไฮต่อเนื่อง เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% หรืออยู่ที่ 3,600 ล้านบาท และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 22%
ทั้งนี้ บริษัทมองว่าปีนี้ธุรกิจมีโอกาสเติบโตสูง ด้วยปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการลงทุนของภาครัฐตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจงานโครงสร้างพื้นฐานในหลายโครงการ อาทิ ระบบขนส่งทางราง งานถนน ระบบบริหารจัดการน้ำในประเทศ ซึ่งงานก่อสร้างเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานมีมูลค่างานสูงและเป็นงานที่มีการก่อสร้างต่อเนื่อง ต้องอาศัยความรู้ความสามารถจากบริษัทที่มีประสบการณ์และความชำนาญพิเศษ ซึ่งมีผู้รับเหมาจำนวนน้อยรายที่ดำเนินธุรกิจได้แบบ RT
สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ มุ่งเน้นกลยุทธ์เชิงรุกเน้นการรับงานในประเทศที่มีมาร์จิ้นสูงและงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ โดยเตรียมประมูลงาน อาทิ
1.โครงการรถไฟฟ้าทางคู่เด่นชัย – เชียงรายเชียงของ มูลค่า 70,000 ล้านบาท ซึ่งมีส่วนงานอุโมงค์ความยาว 26 กิโลเมตร คิดเป็นมูลค่างาน 15,000 ล้านบาท
2.โครงการสร้างอุโมงค์ผันน้ำเติมเขื่อนภูมิพล ความยาวประมาณ 60 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 65,000 ล้านบาท
3.โครงการทางพิเศษสายกะทู้ป่าตอง จ.ภูเก็ต มูลค่าโครงการ 14,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วน คืองานอุโมงค์ความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร และงานทางยกระดับประมาณ 2 กิโลเมตร รวมมูลค่างาน 8,000 ล้านบาท
4.โครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินทั่วประเทศ มีมูลค่างานประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี
5. โครงการเสริมสภาพทางลาดชัน (Slope stabilization) งานกรมทางหลวง ซึ่งมีโอกาสรับงานตลอดทั้งปี มูลค่างานประมาณ 200 – 300 ล้านบาท ทั้งงานถนนและสะพาน ถือเป็นงานรอบเร็วใช้ระยะเวลาก่อสร้างและส่งมอบภายใน 3-6 เดือน จึงสามารถรับรู้รายได้ทันที ทั้งนี้บริษัทติดตามงานประมูลต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้บริษัทได้มีส่วนร่วมในงานดังกล่าว
ล่าสุด บริษัทได้เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดสำหรับงานก่อสร้างระบบระบายน้ำ จ.เชียงใหม่ มูลค่า 280 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างรอประกาศอย่างเป็นทางการ ซึ่งบริษัทมีความพร้อมในการรับงาน ทั้งด้านบุคลากร วิศวกร นักธรณีวิทยา รวมกว่า 150 คน และทีมงานกว่า 2,000 คน อีกทั้งมีอุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องจักร สำหรับขุดเจาะที่ทันสมัยและมีจำนวนมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยปีนี้บริษัทลงทุนเพิ่มเครื่องจักรและคลังสินค้า รองรับงานภาครัฐและเอกชนทุกรูปแบบ
ขณะที่งานต่างประเทศ โครงการก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำ เขื่อนเดือนตรี ประเทศกัมพูชา (Diversion Tunnel, Duantri Dam, Cambodia ) มูลค่า 195 ล้านบาท มีความคืบหน้าก่อสร้างแล้ว 39% คาดว่าจะส่งมอบงานได้เดือน ตุลาคม ปี 64 เพื่อรับรู้รายได้ส่วนที่เหลือ 120 ล้านบาท ขณะเดียวกัน หากสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลาย สามารถเดินทางได้ บริษัทก็พร้อมเพิ่มโอกาสหางานใหม่ ๆ เพิ่มเติมในต่างประเทศ
สำหรับมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ สิ้นปี 63 อยู่ที่ 4,130 ล้านบาท ซึ่งบริษัทสามารถทยอยรับรู้รายได้ในช่วงปี 64-66 พร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานของทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะมีโอกาสรับงานใหม่อีก เพื่อเพิ่ม Backlog ให้สูงขึ้น โดยบริษัทมีนโยบายรักษา Backlog ต่อปีไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งทั้งปี 64 บริษัทคาดว่าจะมี Backlog เพิ่มเป็น 7,000 ล้านบาท
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้แบ่งตามประเภทงาน ประกอบด้วย งานสร้างอุโมงค์ 60% งานสร้างเขื่อนและระบบชลประทาน 12% งานสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ 2% งานท่อร้อยสายไฟใต้ดิน 8% และงานอื่น ๆ 18% อาทิ งานเจาะสำรวจ งานวางรางรถไฟ งาน Slope Protection งานถนน เป็นต้น และแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ในประเทศ 95% และต่างประเทศ 5%