“บริทาเนีย” คว้ากำไร Q3/2566 กว่า 417 ล้าน โต 26%
ลุยเปิด 8 โครงการใหม่ส่งท้ายปี มูลค่า 10,150 ล้าน พร้อมลุยแบรนด์ซูเปอร์ลักชัวรี
บมจ.บริทาเนีย หรือ BRI คว้ารายได้ Q3/2566 กว่า 1,739 ล้านบาท พร้อมกำไรสุทธิกว่า 417 ล้านบาท เติบโต 26% จากปีก่อนหน้า แผนกระจายบุก B to the Top หนุนโอกาสกระจายความเสี่ยงการรับรู้รายได้จากหลากทำเล ฝั่งตะวันตกและตะวันออกของกรุงเทพฯ ชูโรง กำลังซื้อ-ยอดโอนกรรมสิทธิ์แกร่ง อาทิ เบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ พูลวิลล่า บางนา-พระราม 9, แกรนด์ บริทาเนีย ราชพฤกษ์-พระราม 5 ช่วง Q4/2566 จ่อเปิดตัวบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ส่งท้ายปีอีก 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 10,150 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าเจาะตลาดซูเปอร์ลักชัวรีครั้งแรกด้วยแบรนด์ใหม่ “บัลโค” ที่ภูเก็ต
นายสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อสังคมที่ดีอย่างยั่งยืน เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจภายใต้แผน B to the Top อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาส 3/2566 (ก.ค.- ก.ย.2566) บริษัทมียอดขาย 3,111 ล้านบาท เติบโต 9% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 มีรายได้รวม 1,739 ล้านบาท เติบโตประมาณ 22% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 ขณะเดียวกัน มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 417 ล้านบาท เติบโต 26% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2565
“เรามีแผนการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรในทำเลใหม่ ๆ และกระจายเซ็กเมนท์ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมในการบุกอย่างครอบคลุม ส่งผลให้เราสามารถกระจายทั้งความเสี่ยงในการบุก และกระจายโอกาสในการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในสภาวะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เผชิญกับความเปลี่ยนแปลงจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ขณะเดียวกัน เรายังเดินกลยุทธ์จับมือพันธมิตรเจ้าของที่ดิน หรือ แลนด์ลอร์ด ในการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ส่งผลให้ต้นทุนในการพัฒนาโครงการลดลง และช่วยให้ภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทยังเติบโตขึ้น” นายสุรินทร์ กล่าว
สำหรับโครงการสำคัญระดับท็อป 3 ที่ช่วยสร้างยอดโอนกรรมสิทธิ์สูงสุดในไตรมาส 3/2566 เป็นโครงการในทำเลกรุงเทพฯตะวันออกและกรุงเทพฯตะวันตก ได้แก่ เบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ พูลวิลล่า บางนา-พระราม 9 (Belgravia Exclusive Pool Villa Bangna-Rama 9), แกรนด์ บริทาเนีย ราชพฤกษ์-พระราม 5 (Grand Britania Ratchaphruek-Rama 5), บริทาเนีย บางนา กม. 42 (Britania Bangna KM.42) ขณะเดียวกัน ช่วงไตรมาส 3/2566 บริษัทยังได้เปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มเติมในช่วงปลายไตรมาสอีก 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 5,800 ล้านบาท ได้แก่ แกรนด์ บริทาเนีย ทวีวัฒนา (Grand Britania Thawiwatthana) และ แกรนด์ บริทาเนีย วงแหวน-ประชาอุทิศ (Grand Britania Wongwean – Prachauthit) 2 โครงการบ้านเดี่ยวที่มีขนาดพื้นที่บ้านมากกว่า 100 ตร.วา และบริทาเนีย บางนา-เทพารักษ์ (Britania Bangna Thepharak)
นายสุรินทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับช่วงไตรมาส 4/2566 นับเป็นช่วงที่มีปัจจัยภายนอกที่ต้องจับตาหลากหลายปัจจัย อาทิ สถานการณ์สงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (FED) การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย สถานการณ์เศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดี ช่วงไตรมาส 4 ของทุกปี ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้บริโภคในหลากหลายทำเลยังคงมองหาที่อยู่อาศัยและยังมีกำลังซื้อที่แข็งแกร่ง บริษัทจึงเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้อีก 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 10,150 ล้านบาท กระจายตัวในหลากหลายทำเล อาทิ โซนราชพฤกษ์ โซนบางนา เป็นต้น
ทั้งนี้ ไฮไลต์สำคัญของไตรมาส 4/2566 คือการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ บัลโค (Balco) เป็นแบรนด์พูลวิลล่าระดับซูเปอร์ลักชัวรี เพื่อขยายฐานลูกค้าเซ็กเมนท์ใหม่ที่บริทาเนียยังไม่เคยลุยมาก่อน โดยโครงการแรกจะตั้งอยู่ที่ภูเก็ต ในชื่อ บัลโค บางเทา บีช (Balco Bangtao Beach) มูลค่าโครงการ 1,250 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้อยู่ที่ราว 1,680 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2566 และต้นปี 2567 นี้ เมื่อประกอบกับการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ การเดินหน้าด้านการตลาด การจัดแคมเปญเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพิ่มเติม เชื่อว่าจะช่วยสร้างยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ใหม่ และรักษาระดับการเติบโตของบริษัทอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนได้