บริทาเนีย เสนอขายหุ้นกู้ล็อตใหม่ 2 ชุด ดอกเบี้ย 5.00-5.25% วันที่ 9-11 กรกฎาคม นี้
ครึ่งปีหลังเดินหน้าธุรกิจยั่งยืน เจาะทำเลเรียลดีมานด์
บริทาเนีย หรือ BRI เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ล็อตใหม่ 2 รุ่นแก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.00% ต่อปี และอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.25% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายวันที่ 9-11 กรกฎาคมนี้ ผ่าน 5 สถาบันการเงินชั้นนำ ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “BBB/Stable” จากทริสเรทติ้ง โดยจะนำเงินไปใช้ชำระคืนหนี้ ใช้ดำเนินธุรกิจ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ครึ่งปีหลังเน้นดำเนินธุรกิจยั่งยืน เน้นเจาะทำเลกำลังซื้อแข็งแกร่งกว่าค่าเฉลี่ยตลาด
นายธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อสังคมที่ดีอย่างยั่งยืน เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2567 เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ ผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) โดยหุ้นกู้ที่ออกจำหน่ายมีจำนวน 2 รุ่น ได้แก่ หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.00% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.25% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 ทริสเรทติ้ง ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้และบริษัทที่ระดับ “BBB” แนวโน้ม “คงที่” ซึ่งเป็นระดับ Investment Grade โดยหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด จะเสนอขายระหว่างวันที่ 9-11 กรกฎาคม 2567 ผ่านสถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้งหมด 5 แห่ง เพื่อนำไปใช้ชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด ใช้ในการดำเนินธุรกิจ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
นายธีรเดช กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 1/2567 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1,269 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 296 ล้านบาท รักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ในระดับ 30% ผ่านความมุ่งมั่นเดินหน้าหลากหลายกลยุทธ์ อาทิ การบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การให้ความสำคัญกับลูกค้าบ้านจัดสรรที่มีสุขภาพการเงินที่ดี
ส่วนครึ่งปีหลังของปี 2567 บริษัทยังคงเดินหน้าปรับตัวให้สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจและภาพรวมตลาดในปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับสมดุลระหว่างโอกาสและความเสี่ยง เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยแผนเปิดโครงการบ้านระดับลักชัวรี ในทำเลที่กำลังซื้อยังแข็งแกร่งกว่าค่าเฉลี่ยตลาด และเจาะลูกค้าเรียลดีมานด์เป็นหลัก เช่น ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ
ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าหุ้นกู้ BRI ที่จะเสนอขายในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนระยะยาวที่มั่นคง มีผลงานที่จับต้องได้ และคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนหุ้นกู้ สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณของ 100,000 บาท ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 5 แห่ง ดังต่อไปนี้
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 869 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน http://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111 หรือจองซื้อทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai Next หรือ ผ่าน Money Connect by Krungthai (https://moneyconnect.krungthai.com/)
- ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Mobile Application – CIMB THAI
- บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-009-8351-56
- บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004
สำหรับบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เป็นผู้พัฒนาบ้านจัดสรรภายใต้คอนเซปต์ CRAFT a life you love ดีที่สุดคือใช้ชีวิตในแบบที่รัก พัฒนาทั้งบ้านเดี่ยว บ้านซีรีส์ใหม่ ทาวน์โฮม ครอบคลุมผู้บริโภคทุกเซ็กเมนท์ ภายใต้ 5 แบรนด์และกลุ่มเซ็กเมนท์ ได้แก่ 1.เบลกราเวีย (Belgravia) บ้านเดี่ยวลักชัวรี ระดับราคา 20-50 ล้านบาท 2.แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับ High-End ราคา 8-20 ล้านบาท 3.บริทาเนีย (Britania) บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ระดับ Mid-end ราคา 4-8 ล้านบาท และ 4.ไบรตัน (Brighton) บ้านแฝด และทาวน์โฮม ระดับเริ่มต้น (Entry) ราคา 2.5-4 ล้านบาท 5.กลุ่มแบรนเด็ด เรสซิเดนซ์ วิลล่า (Branded Residences Villa) บ้านพักตากอากาศระดับ Luxury ราคา 19-60 ล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 พัฒนาโครงการมาแล้วทั้งสิ้น 45 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการสะสม 57,372 ล้านบาท