สงครามการค้ายกระดับสู่สงครามค่าเงิน ลงทุนใน “หุ้น-น้ำมัน” เสี่ยงผันผวนแต่ “ทองคำ” โดดเด่น
ผลกระทบจากสงครามการค้ายกระดับสู่สงครามค่าเงิน ส่งสัญญาณ “ตลาดหุ้น-น้ำมัน” ได้รับผลเชิงลบจากภาวะเศรษฐกิจที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่ “ทองคำ” ฉายแววโดดเด่น จากการมีสถานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย สามารถมองเป็นการลงทุนระยะกลางได้
นายณพวีร์ พุกกะมาน ผู้บริหารส่วนภูมิภาค จีเอ็มไอ เอดจ์ หนึ่งในบริษัทจากกลุ่มสถาบันการลงทุนจากประเทศอังกฤษ กล่าวว่า ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ขยายวงกว้างจนกลายมาเป็นสงครามค่าเงินด้วยการปรับลดค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าลงซึ่งถือเป็นการโต้ตอบที่เกินกว่าคาด แสดงให้เห็นว่าสองประเทศนี้จะยังไม่สามารถยุติความขัดแย้งกันได้ในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน ทำให้ภาพรวมตลาดการลงทุนทั่วโลกจะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนไปอีกพักใหญ่
ผลตอบรับที่เกิดขึ้นคือธนาคารกลางทั่วโลกหันมาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดความเสี่ยง รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยที่มีมติลดดอกเบี้ย 0.25% เหนือความคาดหมายเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา แสดงว่าทั่วโลกยอมรับแล้วว่าเศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ตลาดหุ้นทั่วโลกในภาพรวม
“สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเวลานี้คือ เศรษฐกิจและแนวโน้มดอกเบี้ยทั่วโลกกลับเข้าสู่วัฏจักรขาลง ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า ความไม่แน่นอนในตลาดการลงทุนเพิ่มสูงขึ้น ทำให้สินทรัพย์ในตลาดหุ้นและราคาน้ำมันจะมีความเสี่ยงในช่วงขาลง ขณะที่สินทรัพย์ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงได้อย่างทองคำมีความน่าสนใจมากขึ้น ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาสามารถพุ่งเหนือระดับ 1,500 เหรียญได้ ขณะที่สินทรัพย์อื่นปรับตัวลดลง”
ทั้งนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯทั้งสามดัชนีคือ Dow Jones,S&P500 และ NASDAQ ได้ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่กันไปแล้ว ทำให้หลังจากนี้คาดการณ์ได้ยากว่าจะเป็นการสิ้นสุดขาขึ้นแล้วหรือเป็นเพียงแค่การปรับฐานระยะสั้น ต้องติดตามดูผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่และเศรษฐกิจของของสหรัฐฯว่ายังเติบโตหรือไม่
โดยราคาน้ำมันดิบ WTI มีแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 50 เหรียญต่อบาร์เรล หากไม่ลดลงต่ำไปกว่านี้ยังมีความน่าสนใจในการลงทุน แต่เป็นในรูปแบบการเก็งกำไรระยะสั้นเนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ไม่เติบโตจะกดดันความต้องการใช้น้ำมัน แต่อาจมีการเก็งกำไรในประเด็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านเข้ามาดันราคาระยะสั้น
ส่วนราคาทองคำ ภาพทางเทคนิคตอนนี้ถือเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน แต่ไม่แนะนำให้รีบเข้าไปเก็งกำไรระยะสั้นเพียงอย่างเดียว สามารถมองเป็นการลงทุนระยะกลางได้เช่นกัน
“ในขณะที่มีวิกฤตจะมีโอกาสการลงทุนเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกสินทรัพย์ได้ถูกต้องหรือไม่ รวมถึงวินัยในการลงทุนยังต้องมีอย่างเคร่งครัด” นายณพวีร์