ALL ส่งซิก 9 เดือน ยอด Presales ใกล้แตะ 7,000 ลบ.
หนุน Backlog พุ่ง 11,000 ลบ. จ่อรับทรัพย์ยาว 3 ปีต่อเนื่อง
กรุงเทพฯ – บมจ. ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ ALL ส่งซิก ยอด Presales 9 เดือนแรก มีลุ้นแตะ 7,000 ล้านบาท ทั้งปีที่วางไว้ หนุน ยอด Backlog ในมือดีดพุ่ง 11,000 ล้านบาท ส่งผลสามารถทยอยรับรู้รายได้ยาวต่อเนื่องใน 3 – 4 ปีข้างหน้า ด้าน CEO “ธนากร ธนวริทธิ์” ระบุ จากกลยุทธ์การบริหารแบบเชิงรุก ดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรมากขึ้น ทำให้มั่นใจว่าเป้ารายได้ใน 3 ปีจากนี้ (ปี 2563 – 2565) จะเติบโตอีกเท่าตัว
นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL ผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยหลากหลายประเภท เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มแบบครบวงจร (Total Real Estate Solutions) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวโครงการ อิมเพรสชั่น เอกมัย และ ดิ เอ็กเซล ลาดพร้าว – สุทธิสาร ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ปรากฏว่าทุกโครงการได้การตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มีการประมาณการยอดขาย (Presales) ในช่วง 9 เดือนแรก มีแนวโน้มแตะที่ระดับ 6,500 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่า 90% ของเป้าประมาณการที่บริษัทฯ วางไว้
“จากการประมาณการยอดขายเบื้องต้น บริษัทฯ ทำได้แล้วมากกว่า 6,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายที่เติบโตทะลุเป้าหมาย (จริงๆ คือ 90% ของเป้าหมาย) ยอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปีที่ 7,000 ล้านบาท โดยยอดขายส่วนใหญ่มาจากการเปิดขายโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ โดยเน้นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในแนวรถไฟฟ้า บวกกับการเจาะเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยจริง (Real Demand) ในระดับราคาขายที่เหมาะสม ทำให้คอนโดมิเนียมในทุกทำเลของบริษัทฯ มีกระแสตอบรับอย่างดี”
ทั้งนี้จากที่มีการประมาณการเบื้องต้น ยิ่งเป็นเครื่องตอกย้ำให้บริษัทฯ มั่นใจถึงอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานในปี 2562 ว่า เป็นไปตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ต้น เมื่อเทียบจากปีก่อน ที่มีรายได้รวม 2,342.97 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทฯ มีรายได้รวมแล้ว 1,691.94 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มรายได้รวมในช่วง 9 เดือนแรก ก็มีแนวโน้มเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้นตามลำดับ
โดยจะเห็นได้จาก ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ มี Backlog แล้วที่ 11,000 ล้านบาท ซึ่งยอดดังกล่าวบริษัทฯสามารถทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 3 – 4 ปีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการรอรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 ประกอบด้วย ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 50 มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท โครงการ ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 71 มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท โครงการ เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว – นวมินทร์ มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท และโครงการ อิมเพรสชั่น ภูเก็ต มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท
“สำหรับ Backlog ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากช่วงต้นปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากโครงการใหม่ที่บริษัทฯเปิดขายได้รับการตอบรับที่ดี เช่น โครงการ ดิ เอ็กเซล ลาดพร้าว – สุทธิสาร ของมูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท เปิดขายในช่วงวันที่ 3 – 4 สิงหาคมที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าให้ความสนใจเป็นอย่างมาก สามารถกวาดยอดขาย Presales รวมกว่า 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นมากกว่า 90% ของมูลค่าโครงการ เป็นต้น”
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมวางกลยุทธ์ เพื่อเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เปิดทีมผู้บริหาร 4 สัญชาติ ทั้ง จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ซึ่งดำเนินการผ่าน บริษัท ไทย ดี เรียลเอสเตท จำกัด (Thai D) ที่ประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนและนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์สำหรับตลาดต่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อให้ครอบคลุมทุกมิติของกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยล่าสุดขณะนี้ดีมานด์ความต้องการของกลุ่มค้าดังกล่าวทยอยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นบริษัทฯ จึงเชื่อมั่นใจ ภายใน 5 ปีข้างหน้า ALL จะมียอดขาย (Presales) ในต่างประเทศแตะระดับ 25,000 ล้านบาท อย่างแน่นอน
ส่วนกรณีความคืบหน้าในการเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงอาคารศูนย์การค้า เดอะ นิว ฟอรั่ม พลาซ่า (The New Forum Plaza ) จังหวัดชลบุรีนั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จ และจะเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ ในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 จะส่งผลให้บริษัทฯ จะมีรายได้จากค่าเช่าเฉลี่ย 200 ล้านบาทต่อปี ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจดังกล่าว เข้ามา 5,800 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญาเช่า 29 ปี ซึ่งแบ่งเป็นรายได้จากค่าเช่า 90% และอื่นๆ อีก 10%
อย่างไรก็ตาม จากแผนการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ บริษัทฯ จึงมั่นใจผลประกอบการในช่วง 3 ปีจากนี้ (ปี 2563 – 2565) จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จาก 3 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ รายได้ประจำจากการให้เช่าพื้นที่ และรายได้จากงานบริการ จากปัจจุบันที่มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์และมีรายได้จากงานบริการ โดยแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีจากนี้ จะมีอัตราการเติบโตที่ระดับ 100% ต่อปี ขณะที่แนวโน้มกำไรสุทธิจะเติบโตในทิศทางเดียวกันกับรายได้รวม โดยจะมาจากการทยอยส่งมอบยอด Backlog อย่างต่อเนื่อง