แต่งบ้านอย่างมีสไตล์พร้อมเติมเต็มความสุขคนในครอบครัว
กับแบรนด์ผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์ลักซ์ชัวรี่ ‘โอลิเวีย ลีฟวิ่ง’ (Olivia Living)
ที่จัดเวิร์คช็อปแนะนำเทคนิคการตกแต่งบ้านให้น่าอยู่ตอบโจทย์ชีวิตครอบครัวคนยุคใหม่
บ้านคือสถานที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความรักและความอบอุ่น ช่วยเติมเต็มกำลังแรงและกำลังใจให้กันและกันของสมาชิกภายในครอบครัว ซึ่งบ้านที่มีดีไซน์สวยพร้อมการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ผ่านการเลือกสรรค์อย่างเหมาะสม ย่อมทำให้บ้านมีความน่าอยู่และช่วยเติมเต็มความสุขของคนในครอบครัวได้เป็นอย่างดี ล่าสุด ‘โอลิเวีย ลีฟวิ่ง’ (Olivia Living) แบรนด์ผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์ลักซ์ชัวรี่ นำโดย สายรุ้ง ภวานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอลิเวีย ลีฟวิ่ง จำกัด ได้จัดกิจกรรมเวิร์คช็อปแนะนำเทคนิคการตกแต่งบ้าน ตอบโจทย์ครอบครัวคนยุคใหม่ที่ฉลาดเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ พร้อมเชื้อเชิญเซเลบริตี้ชื่อดัง อาทิ สถาปนิกหนุ่มคุณพ่อลูกสอง แนท-วสุ วิรัชศิลป์ และเซเลบริตี้คู่รัก ฝน-รติรส และป๊อง-รุจจิ์ จุลชาต ร่วมเผยทริคการเลือกเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านในสไตล์ที่ตนเองชื่นชอบที่คอนโดหรูสไตล์ยุโรปใจกลางเมือง นิวาติ ทองหล่อ 23 (Nivati Thonglor 23) เมื่อบ่ายวันก่อน
‘โอลิเวีย ลีฟวิ่ง’ (Olivia Living) อาณาจักรเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ลักซ์ชัวรี่ ซึ่งก่อตั้งขึ้นภายใต้แนวคิดที่ต้องการนำเสนอสไตล์การตกแต่งบ้านให้มีความโดดเด่นอย่างเป็นเอกลักษณ์ โดยคัดสรรเฉพาะเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านจากแบรนด์ชั้นนำที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับโลก พร้อมตอบโจทย์ทุกสไตล์การแต่งบ้านของคนเมืองยุคใหม่ได้อย่างหลากหลายและสามารถสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตอันน่าสนใจ ผ่านบริการจากทีมผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยให้คำแนะนำอยู่ตลอดการใช้งาน นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังได้เปิดตัวบริการด้านการออกแบบตกแต่งภายในบ้านอย่างครบวงจร โดยเริ่มจากให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสไตล์การเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์เจ้าของบ้าน ซึ่งสามารถมิกซ์แอนด์แมทช์ข้ามแบรนด์หรือคัสตอมไมซ์วัสดุหรือโทนสีให้แตกต่างตามฟังก์ชั่นการใช้งานได้ พร้อมวางแผนการออกแบบตกแต่งภายในบ้านหรือคอนโดมิเนียมที่ยังคำนึงถึงการจัดสรรพื้นที่ใช้งานตามความต้องการของลูกค้าอีกด้วย รวมไปถึงบริการติดตั้งเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านทุกชนิด เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยที่ผ่านมาทาง ‘โอลิเวีย ลีฟวิ่ง’ (Olivia Living) ยังได้มีโอกาสร่วมออกแบบการตกแต่งภายในให้กับโครงการคอนโดมิเนียมที่ดีที่สุดในประเทศระดับซุเปอร์ลักซ์ชัวรี่ชื่อดังมากกมาย อาทิ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก (The Ritz-Carlton Residences Bangkok), วิทโทริโอ้ (Vittorio), คราม (KRAAM) สุขุมวิท 26, แสนสิริ ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส (98 Wireless), เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท สินธร เคมปินสกี้ (The Residences at Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok) และนิวาติ ทองหล่อ 23 (Nivati Thonglor 23)
สายรุ้ง ภวานุรักษ์ ได้แนะนำเทคนิคการเลือกเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน สร้างความน่าอยู่สำหรับครอบครัวคนยุคใหม่ว่า “การเลือกเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านให้น่าอยู่สำหรับครอบครัวสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงอันดับแรกคือฟังก์ชั่นการใช้งาน โดยการเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสมในแต่ละห้อง สำหรับบ้านที่มีเด็กเล็กควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก หลีกเลี่ยงการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีมุมแหลมคมที่ทำให้เกิดอันตราย เฟอร์นิเจอร์บริเวณห้องนั่งเล่นควรเลือกที่มีดีไซน์เหมาะกับทุกคนในบ้าน และมีขนาดเพียงพอต่อความต้องการใช้สอย ส่วนการเลือกโทนสีก็มีความสำคัญไม่น้อย เพราะโทนสีจะช่วยสร้างบรรยากาศภายในบ้านได้เป็นอย่างดี โดยโทนสีที่แนะนำสำหรับใช้เป็นสีวอลเปเปอร์และการตกแต่งภายในคือ โทนสีกลางที่ไม่ฉูดฉาด อย่างสีครีม สีขาว หรือสีเทาอ่อน ที่จะช่วยทำให้บ้านให้ดูกว้าง อบอุ่นมีความน่าอยู่มากขึ้น ซึ่งเราสามารถเพิ่มลูกเล่นเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีโทนสีที่เข้มขึ้นหรืออ่อนลงทำให้พื้นที่มีความน่าสนใจ ถัดมาคือการคำนึงขนาดและสัดส่วนของเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะกับบริเวณพื้นที่ใช้สอยของบ้านหรือคอนโด เพื่อให้มีพื้นที่โปร่งสบาย อย่างการเลือกโต๊ะค็อกเทลบริเวณห้องนั่งเล่นอาจเลือกทรงวงกลมหรือวงรีที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่บริเวณรอบๆ โต๊ะให้เดินได้สะดวกมากขึ้น ส่วนโต๊ะกินข้าวก็ต้องเลือกเป็นโต๊ะที่มีขนาดพอดีกับจำนวนสมาชิกภายในครอบครัว ไม่ใหญ่เทอะทะจนเกินไปเพราะจะกินบริเวณพื้นที่ภายในบ้านได้ และการเลือกแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่โดดเด่นด้วยคุณภาพและมาตราฐานก็จะช่วยการันตีถึงความทนทานและปลอดภัยต่อสมาชิกคนในครอบครัวด้วย”
การตกแต่งห้องที่คอนโดหรูสไตล์ยุโรป นิวาติ ทองหล่อ 23 (Nivati Thonglor 23) ได้คำนึงถึงเรื่องพื้นที่ใช้สอยและสร้างบรรยากาศภายในครอบครัวให้มีความอบอุ่น โดยให้ความสำคัญกับพื้นที่ห้องนั่งเล่น (Living Room) เป็นหลัก เพราะเป็นบริเวณที่สมาชิกทุกคนภายในบ้านจะต้องใช้ร่วมกัน โดยเน้นการตกแต่งในสไตล์มิกซ์แอนด์แมทช์ที่ให้มีบรรยากาศที่ดูอบอุ่นแบบสไตล์โฮมมี่ ผ่านการเลือกใช้โทนสีนิวทรัล (Neutral) ตกแต่งภายในห้องทั้งวอลเปเปอร์และเฟอร์นิเจอร์ โดยเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับแต่ละชิ้นจะมีลูกเล่นที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะค็อกเทลที่มีลวดลายแบบหนังปลากระเบน แจกันลายหิน และจุดโดดเด่นหลักภายในห้องนี้คือแชนเดอเลียร์ (Chandelier) ที่มีขนาดใหญ่ เพื่อเป็นจุดโฟกัสสายตาตั้งแต่ครั้งแรกที่ก้าวเข้าห้อง พร้อมช่วยทำให้ห้องดูไม่โล่งจนเกินไป และอีกหนึ่งสิ่งสำคัญของการแต่งห้องหรือบ้านสำหรับครอบครัว คือความกว้างของบริเวณห้องนั่งเล่น เราได้เลือกใช้กระจกบานเลื่อนกั้นห้องนอนเด็กไว้เพื่อเพิ่มมิติให้ห้องนั่งเล่นดูกว้างมากขึ้น และเลือกใช้พรมผืนใหญ่วางบริเวณโซฟานั่งเล่นให้ความรู้สึกว่าทั้งห้องเป็นพื้นที่เดียวกัน และในแต่ละห้องก็จะมีการตกแต่งให้มีความแตกต่างตามแต่ละคาแรคเตอร์ เริ่มจากห้องนอนเด็กที่เหมาะกับเด็กช่วงอายุระหว่าง 5-12 ปี เน้นแต่งด้วยโทนสีน้ำเงินคลาสสิก (Classic Blue) ซึ่งเป็นสีแพนโทนประจำปี 2020 โดยการนำมาปรับและลดทอนความเข้มของสีน้ำเงินลง ผ่านการแต่งวอลเปเปอร์หัวเตียงด้วยลายมัดย้อมไล่เฉดสีน้ำเงินไปยังสีขาวสวยงาม ส่วนเฟอร์นิเจอร์เน้นเลือกที่เหมาะสำหรับเด็กมีมาตรฐานความแข็งแรง และปลอดภัยจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเด็กด้วย โดยโทนสีหลักของเฟอร์นิเจอร์จะเลือกเป็นสีขาว ทั้งตัวโคมไฟและตัวโต๊ะบริเวณหัวเตียง นอกจากนี้ยังตกแต่งด้วยรูปวาดสัตว์น่ารักๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างจินตนาการให้กับเด็กๆ ห้องถัดมาเหมาะกับห้องนอนเด็กโตหรือวัยรุ่นในช่วงอายุ 15 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นการตกแต่งที่เน้นสไตล์มาสคิวลีน มีความเท่โมเดิร์น ตัวเฟอร์นิเจอร์โต๊ะบริเวณหัวเตียงและโต๊ะคอนโซลมีการตกแต่งด้วยกระจกในสไตล์วินเทจ บริเวณขอบมีลูกเล่นแต่งด้วยโลหะโทนสีเมทัลลิค เพื่อลดทอนสไตล์มาสคิวลีนที่ดูแข็งแกร่งให้ดูนุ่มนวลและอบอุ่นขึ้น ส่วนรูปที่ใช้ตกแต่งภายในบริเวณห้องนี้จะเป็นรูปที่เกี่ยวกับเส้นสายกราฟฟิกที่ล้อไปกับลวดลายแต่งผนังบริเวณหัวเตียงให้ดูเข้ากันได้ดี และห้องสุดท้ายเป็นห้องมาสเตอร์เบดรูม (Master Bedroom) ที่เป็นห้องที่สุดแห่งการพักผ่อน โดยการเลือกใช้เตียงแบบอเมริกันคิงไซส์ (American King Size) เหมาะกับหนุ่มสาวคู่รักที่ต้องการพักผ่อนบนเตียงที่กว้างและสบาย ส่วนโทนสีภายในห้องจะเป็นโทนสีนิวทรัล (Neutral) พวกสีเบจ สีขาวเป็นหลัก แต่เพิ่มลูกเล่นความน่าสนใจด้วยการเลือกสีนวมบุหัวเตียงในโทนสีเขียวมินต์ โดยมีเนื้อผ้าเป็นผ้าซิลค์ เพิ่มความวิบวับล้อกับแสงไฟ ส่วนเฟอร์นิเจอร์โต๊ะหัวเตียงและโคมไฟสี่เหลี่ยมสไตล์โมเดิร์นช่วยเพิ่มมิติภายในห้องนอนให้ดูสวยงามอย่างลงตัว
โดยเฟอร์นิเจอร์ที่ทาง ‘โอลิเวีย ลีฟวิ่ง’ (Olivia Living) ได้เลือกใช้ในการตกแต่งนั้นเป็นเฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ เรสโทเรชั่น ฮาร์ดแวร์ (Restoration Hardware) หรือ RH เป็นงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์จากอเมริกา ซึ่งมีการออกแบบที่มีความทันสมัยจากดีไซน์เนอร์และช่างฝีมือชั้นนำที่คัดสรรเลือกวัสดุที่ดีที่สุด เพื่อให้ได้ความมีเอกลักษณ์และรสนิยมที่ลงตัว รวมถึงเฟอร์นิเจอร์สำหรับตกแต่งกลางแจ้งที่ทางแบรนด์ก็มีให้เลือกสรรด้วยเช่นกัน แบรนด์ต่อมา แวนการ์ด เฟอร์นิเจอร์ (Vanguard Furniture) งานดีไซน์ที่มีความประณีตบรรจงตามแบบฉบับช่างฝีมือชั้นสูงชาวอเมริกันที่โด่งดังมากว่า 40 ปี บนการผสมผสานกันอย่างไร้ที่ติของงานออกแบบที่มีความทันสมัยและคลาสสิก ถ่ายทอดสู่เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์โดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ ต่อมาที่แบรนด์ บาสเซ็ท มิเรอร์ คอมปานี (Bassett Mirror Company) แบรนด์เฟอร์นิเจอร์สัญชาติอเมริกาที่มีคอนเซ็ปต์อันน่าสนใจ ด้วยงานดีไซน์ที่สดใหม่ (Fresh Design), ราคาที่จับต้องได้ (Affordable), โดดเด่นด้วยคุณภาพ (Quality) พร้อมการนำเสนอที่น่าสนใจ (Presentation) หลากหลายด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่มีงานดีไซน์ที่สอดผสานความเป็นแฟชั่นเข้าไปได้อย่างลงตัว ปิดท้ายที่แบรนด์ อินเทอร์ลูด โฮม (Interlude Home) แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านที่มีแรงบันดาลใจมาจากแฟชั่น ที่ทีมนักออกแบบได้หยิบยกความความงดงามของวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่จากการเดินทางไปยังสถานที่แปลกใหม่ทั่วโลก มารังสรรค์ชิ้นงานเฟอร์นิเจอร์ที่มีความโดดเด่นอย่างมีสไตล์และคงคุณภาพเอาไว้ได้อย่างลงตัว
ด้านเหล่าเซเลบริตี้ต่างร่วมเผยถึงสไตล์การตกแต่งบ้านในฝันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ตนเองและครอบครัว ช่วยเพิ่มความรักความอบอุ่นภายในบ้าน เริ่มที่สถาปนิกหนุ่มคุณพ่อลูกสอง แนท-วสุ วิรัชศิลป์ เผยว่า “ด้วยความที่เราเป็นสถาปนิกทำงานออกแบบ เวลาที่เลือกเฟอร์นิเจอร์จะเน้นยึดหลักการเลือกที่มีดีไซน์คลาสสิกอยู่ได้นาน มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น รวมถึงแมททีเรียลที่ใช้ต้องมีคุณภาพ และเรื่องราวของแบรนด์เฟอร์นิเจอร์นั้นมีความน่าสนใจ และสิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงฟังก์ชั่นของการใช้งานว่าใช้สำหรับห้องไหนและเหมาะกับใคร โดยภายในบ้านเราและภรรยา (จุฑาธรรม จิราธิวัฒน์) จะช่วยกันตกแต่งและเลือกเฟอร์นิเจอร์เข้ามา ซึ่งสไตล์ที่เราชอบไม่ต่างกันมาก จะเน้นตกแต่งบ้านในสไตล์โมเดิร์น มีความมินิมอล คุมโทนสีแบบโมโนโทน เฟอร์นิเจอร์ที่ชอบส่วนใหญ่มักจะแต่งด้วยเหล็กเมทัลลิคหรือกระจกที่ดูเท่มีสไตล์ แต่พอมีลูกมุมมองการเลือกเฟอร์นิเจอร์ของเราก็เปิดกว้างขึ้น เราได้เห็นเฟอร์นิเจอร์ที่ทำเพื่อเด็ก มีความน่ารัก เหมาะสมกับช่วงวัย และทำให้ห้องมีชีวิตชีวาขึ้น เลยให้ความสำคัญกับสีสันมากขึ้น ตอนนี้ก็เริ่มมีวางแผนตกแต่งห้องให้ทั้งลูกชายและลูกสาวโดยจะเลือกโทนสีที่เหมาะกับคาแรคเตอร์ลูกแต่ละคน ด้านลูกชายก็จะเน้นเป็นสีน้ำเงิน เทาและดำ คือมีความสดใสแต่ซ่อนความเท่สไตล์ผู้ชายเอาไว้ได้อย่างลงตัว ส่วนห้องของลูกสาวก็อาจจะเลือกเป็นสีชมพูกับน้ำเงิน จับคู่สีที่จะไม่ทำก็ให้ดูหวานเลี่ยนมากจนเกินไป ส่วนวัสดุที่ทำเฟอร์นิเจอร์ก็ต้องทำด้วยผ้านุ่มๆ รูปทรงไม่มีเหลี่ยมมุมเพื่อความปลอดภัยของเด็ก และเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญที่ผู้ปกครองควรใส่ใจสำหรับเด็กคือเตียงนอน เพราะวัยเด็กจะใช้เวลานอนหลับมากกว่าการทำกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งจะช่วยทำให้เด็กได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ควรเลือกขนาดเตียงที่มีความเหมาะสม มีความแข็งแรงทนทาน”
และเซเลบริตี้คู่รัก ฝน-รติรส และป๊อง-รุจจิ์ จุลชาต เล่าว่า “หลังจากที่เราแต่งงานกัน ตอนนี้ได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันในคอนโดใจกลางเมืองเน้นความสะดวกในการเดินทางไปทำงาน โดยเราทั้งคู่มีสไตล์การแต่งบ้านที่ต่างกันมาก เวลาที่เลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านก็ต้องคุยกันเพื่อหาจุดร่วมของสไตล์ที่แต่ละคนชอบ โดยสามีเขาชอบในสไตล์ง่ายๆ มีความโมเดิร์นหน่อย อย่างสไตล์สแกนดิเนเวีย (Scandinavian) ที่มักจะเน้นเป็นโทนสีที่เลียนแบบสีของธรรมชาติแนวเอิร์ธโทน เน้นตกแต่งภายในบ้านให้ดูสะอาดและเรียบง่าย ทำให้ห้องดูอบอุ่นน่าอยู่ ส่วนเราเองจะชอบในสไตล์ที่มีความหรูหรา อย่างพวกคอปเปอร์แวววาว ออกแนวเมทัลลิคหน่อยก็ดูน่าสนใจ” ด้าน ป๊อง-รุจจิ์ จุลชาต เสริมว่า “ตอนนี้เราทั้งสองก็ได้วางแผนสร้างบ้านไว้แล้วเพื่อเตรียมความพร้อมในการมีลูก โดยพื้นที่ของบ้านไม่จำเป็นต้องกว้างใหญ่แต่เน้นเป็นสัดส่วน มีพื้นที่ส่วนตัวให้ทั้งตัวเองและลูก และสำคัญคือต้องมีพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ทำกิจกรรมร่วมกัน สไตล์การตกแต่งที่วางไว้คือเน้นเพิ่มบรรยากาศความอบอุ่นในโทนสีเอิร์ธโทน เพราะฝนเขาชอบสีเขียวและสีขาวด้วย ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกก็จะคำนึงถึงฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นหลักแต่ยังคงไว้ในสไตล์ที่เราและภรรยาชอบ เราเองจะชอบแนวเท่ๆ ดูมีสไตล์อย่างเก้าอี้จากแบรนด์แวนการ์ด เฟอร์นิเจอร์ (Vanguard Furniture) ที่สามารถเป็นได้ทั้งเก้าอี้และเป็นของตกแต่งบ้านไปในตัวด้วย ส่วนเฟอร์นิเจอร์สำหรับลูกน้อยต้องลุ้นก่อนว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเราถึงจะเลือกแต่งห้องได้อย่างเหมาะสม แต่ที่สำคัญต้องเน้นเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีมาตรฐาน คุณภาพ และปลอดภัยจากสารเคมีด้วย”
พบกับอาณาจักรเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ดังระดับลักซ์ชัวรี่ ได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูม ‘โอลิเวีย ลีฟวิ่ง’ (Olivia Living) ซอยสุขุมวิท 39 โทร.02 662 5833 หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง www.olivia-living.com