พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ชูกลยุทธ์พาร์ทเนอร์ชิพ 360 องศา˚ รุกขยายสู่ระดับกลาง-บน รองรับการเติบโตของตลาด มุ่งลูกค้า 3 กลุ่มหลัก ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ บริษัทมหาชน กลุ่มทุนต่างชาติ เผยลูกค้าอสังหาฯหน้าใหม่มาแรง ขยับสัดส่วนเป็น 40%
นางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจ Sole Agent หรือการให้บริการตัวแทนขายและทำการตลาดว่า บริษัทได้วางแผน 3 ปี จะมุ่งเน้นผู้ประกอบการ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ กลุ่มบริษัทมหาชน และกลุ่มทุนต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ที่ได้ให้บริษัทเข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้นในการวางแผนพัฒนาโครงการ ปัจจุบันพบว่ามีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 40% จากสัดส่วนเดิม 20%
สำหรับเป้าหมายในการเป็นพาร์ทเนอร์กับลูกค้า บริษัทได้วางแผนระยะ3 ปี นับตั้งแต่ปี 2560 ในการเป็นพันธมิตรธุรกิจร่วมกับลูกค้า เข้าไปมีส่วนร่วมมากกว่างานขาย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ที่ให้พลัสฯ เข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้นในการวางแผนพัฒนาโครงการ การเลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่สอดคล้องกับทำเลโครงการ การสร้างแบรนด์ รวมถึงงานพัฒนาสินค้า การออกแบบ การนำฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่และสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ได้
พร้อมกันนี้ ที่ผ่านมาบริษัทได้วางกลยุทธ์โดยเข้าไปมีส่วนร่วมในการวางกลยุธ์ขยายตลาดไปสู่โครงการระดับบนมากขึ้น ตามทิศทางการลงทุน จากเดิมเน้นตลาดระดับ ซีบวก ราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท ไปสู่กลุ่มตลาด บีบวก หรือราคายูนิตละ 5 -8 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดบนที่เติบโตต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม พบว่าไม่เพียงแต่ตลาดระดับบนเท่านั้น ที่มีกำลังซื้อดี แต่ตลาดระดับกลางก็เริ่มมีการขยายตัว ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการเติบโตด้านโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมที่เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเริ่มเห็น ทำให้ผู้บริโภคเริ่มมองเห็นทิศทางการเดินทางในอนาคตอันใกล้ที่สามารถเชื่อมโยงถึงกัน อีกทั้งภาครัฐยังมีการลงทุนด้านคมนาคมเชื่อมโยงหัวเมืองต่างๆ ทำให้ตัวเมืองขยายออกไป ซึ่งผลดีโดยตรงต่อภาคอสังหาฯ
อย่างไรก็ตาม แผนการขยายฐานลูกค้าของบริษัท จะให้ความสำคัญกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นหลัก โดยเข้าไปให้คำปรึกษาเพื่อพัฒนาโครงการเจาะตลาดในระดับที่สูงขึ้น ตลอดจนการกำหนดราคา กลยุทธ์การขาย การตลาด รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้โครงการเช่นการออกแบบ และการนำเทคโนโลยีมาใช้อำนวยความสะดวกในโครงการ ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าที่ผู้ประกอบการคาดหวัง
สำหรับในปีนี้ บริษัทได้เตรียมตัวรองรับการแข่งขันและพัฒนาการทำงานของ Sole Agent ด้วยการยกระดับมาตรฐานการทำงานให้เป็น Sole Agent 360˚ พัฒนาศักยภาพของพนักงานขาย ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้มีการจัดฝึกอบรมพนักงานขาย เพื่อส่งเสริมการขายและสร้างการเข้าใจตลาดในเชิงลึกมากขึ้น เดินหน้าขยายการให้บริการ ให้ครบวงจร และมีแผนจะขยายการให้บริการหลังการขายด้วยทีมงานมืออาชีพ เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างโอกาสในการปิดการขายกลุ่มลูกค้าต่างชาติ
บริษัทตั้งเป้ารับบริหารโครงการในปี 2561 จำนวน 16 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท เติบโต 25% จากปีที่ผ่านมา ที่รับบริหาร 13 โครงการ มูลค่า 16,000 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้ารวม 13 โครงการ มูลค่าโครงการ 15,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโครงการใหม่ 10 โครงการมูลค่า 9,600 ล้านสบาท และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะสามารถรับบริหารงานโครงการได้อีก 3 โครงการมูลค่า 4,500 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจา โดยมีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ 40% กลุ่มบริษัทมหาชน 30% และกลุ่มทุนต่างชาติ 30%