“ริชี่เพลซ” ลุยเปิด4โครงการ ระบุทุนญี่ปุ่นสนร่วมทุน

“ริชี่เพลซ” ลุยเปิด4โครงการ

ระบุทุนญี่ปุ่นสนร่วมทุน

ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ “RICHY” เปิดเผยถึงภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ปี2561  คาดจะเห็นการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากที่ตลาดอสังหาฯชะลอตัวในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดี และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทำให้รายได้ของประชาชนลดลง และกดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย แต่ในปี 2561 แนวโน้มและสัญญาณส่วนใหญ่เป็นปัจจัยบวก ที่หนุนต่อภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่จะกลับมาเติบโตได้ดีมากขึ้น และสร้างความมั่นใจของประชาชนกลับมาฟื้นตัว ส่งผลบวกต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ดีขึ้น

ส่วนแนวโน้มราคาที่ดินยังคงมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาที่ดินในย่านสุขุมวิทไปจนถึงอ่อนนุชที่มีการปรับเพิ่มขึ้นของาคาที่ดินเฉลี่ย 30% ต่อปี ซึ่งส่งผลต่อราคาขายโครงการที่มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีซัพพลายของการขายที่ดินเปล่าออกมามาก ก่อนที่จะเริ่มมีการใช้กฏหมายภาษีที่ดินและภาษีลาภลอยในช่วงปลายปีนี้

สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ บริษัทเตรียมเปิดทั้งหมด 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวมมากกว่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมด โดยที่ 2 โครงการที่บริษัทมีที่ดินแล้ว คือ โครงการเดอะริช ศรีนครินทร์ มูลค่าโครงการราว 3,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ทำเลเดียวกับโครงการเดอะ ริช พาร์ค ศรีนครินทร์ บนพื้นที่ 3 ไร่ ซึ่งโครงการด่งกล่าวเป็นโครงการมิกซ์ยูส 1 อาคาร สูง 34-35 ชั้น ประกอบด้วยพื้นที่เช่า แบ่งเป็น พื้นที่เช่าสำหรับร้านค้าปลีก3 ชั้น และพื้นที่เช่าสำหรับสำนักงาน 4 ชั้น ส่วนที่เหลือของโครงการจะเป็นห้องชุดพักอาศัยสไตล์ลอฟท์ เพดานสูง 4.5 เมตร ซึ่งจะเริ่มเปิดการขายในช่วงปลายไตรมาส 2/61 ราคาขายเฉลี่ยกว่า 100,000 บาทตต่อตารางเมตร

    โครงการที่สอง คือ โครงการ เดอะริช เอกมัย มูลค่าโครงการราว 4,000 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ บนทำเลติดกับบิ๊กซีเอกมัย ระหว่างเอกมัยซอย6 และซอย 8 ซึ่งจะเป็นอาคารชุดพักอาศัย 39 ชั้น ราคาขายเฉลี่ยมากกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตร จะเริ่มเปิดการขายในช่วงปลายปี 2561 โดยโครงการ เดอะริช เอกมัย เป็นโครงการที่มีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จากญี่ปุ่นจำนวน 2 ราย ให้ความสนใจที่จะเข้ามาร่วมทุนพัฒนาโครงการดังกล่าวร่วมกับบริษัท เนื่องจากทำเลย่านเอกมัยเป็นทำเลคนญี่ปุ่นที่มาทำงานหรือท่องเที่ยในประเทศไทยนิยมมาพักอาศัยเป็นจำนวนมาก และมีร้านค้าต่างๆที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นอยู่ไนย่านดังกล่าว ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมของการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่นที่ติดต่อเข้ามบสนใจร่วมทุนไนโครงการนี้ ซึ่งหากได้ข้อสรุปจะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรเพียง 1 รายท่านั้น

 ขณะที่อีก 2 โครงการที่จะเปิดในปีนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินเข้ามาเพื่อรองรับการพัฒนา ซึ่งเป็นที่ดินบนทำเลลาดพร้าว และทำเลราชพฤกษ์ ในย่านถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งจะนำมาพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมทั้ง 2 ทำเล นอกจากนี้หากบริษัทสามารถหาซื้อที่ดินได้เพิ่มขึ้นมีโอกาสที่จะเปิดโครงการมากขึ้นเป็น 5 โครงการ โดยโครงการที่ 5 บริษัทจะพิจารณาพัฒนาเป็นโครงการแนวราบ ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทสามารถรับรู้รายได้เข้ามาได้ในระยะเวลาที่ไม่นาน

 “ปีนี้เราเน้นจับตลาดแนวสูงเป็นส่วนใหญ่ ส่วนแผนการตลาดและแคมเปญใหม่ๆนั้นก็จะมีออกมาเขย่าตลาดต่อเนื่อง พร้อมกิจกรรมการตลาดที่ออกมาเป็นประจำทุกเดือนในโครงการต่างๆ และอาจจะมีปรับบางโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่ก็ยังดูความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก แต่เป้าหมายยอดขายของบริษัทในปีนี้ยังไม่ได้ตั้งเป้าที่แน่นอน เพระยังมีอีก 2 โครงการที่ยังไม่ได้ซื้อที่ดิน แต่ก็เชื่อว่าจะสูงกว่าปีก่อนที่ทำยอดขายได้เกินเป้าที่ตั้งไว้ 1,000 ล้านบาทอย่างมาก”ดร.อาภา กล่าว

บทความและเรียบเรียงโดย : กัญสุชญา สุวรรณคร (บรรณาธิการข่าว PropDNA)