อนันดาฯโชว์ฟอร์มเด่นตัวเลข Q1/62 กำไรสุทธิ 232 ล้านบาท เติบโต 61%
พร้อมลุยเปิดตัว 3 โครงการใหม่ในไตรมาส 2 มูลค่ารวมกว่า 12,500 ล้านบาท
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า โชว์ศักยภาพประกาศความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจที่เติบโตแบบก้าวกระโดด เผยผลประกอบการไตรมาส 1/2562 มีกำไรสุทธิเป็นจำนวน 232 ล้านบาท เติบโต 61% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลมาจากกำไรที่แข็งแกร่งจากโครงการร่วมทุน ในส่วนของยอดโอนของโครงการทั้งหมดในไตรมาสแรกนั้น มีจำนวน 5,631 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 39% และเพิ่มมากขึ้น 47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในส่วนของยอดขายในไตรมาสแรกมีจำนวน 4,815 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 19%
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของอนันดาเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก กำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 232 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 61% โดยมาจากส่วนแบ่งกำไรจากโครงการร่วมทุนซึ่งบริษัทได้ผลักดันรูปแบบธุรกิจแบบโครงการร่วมทุนมาอย่างต่อเนื่องกับพันธมิตรหลักของบริษัท มิตซุย ฟูโดซัง เรายังทำได้ดีทั้งในด้านยอดโอนและยอดขาย ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 39% และ 19% ตามลำดับ”
ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2562 บริษัทยังคงมีแบ็คล็อคที่แข็งแกร่ง เป็นจำนวน 37,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของยอดโอนในระยะ 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาส 2 เป็นจำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 12,500 ล้านบาท ประกอบด้วย ไอดีโอ คิว พหล–สะพานควาย โครงการไฮไลท์ขนาดใหญ่ที่สุดของอนันดา มูลค่าโครงการสูงถึง 9,765 ล้านบาท ซึ่งจะมีการเปิดตัวเร็วๆนี้ในไตรมาส 2 โดยอนันดาตั้งเป้าสร้างเสร็จเริ่มโอนได้ในปี 2564 และอีก 2 โครงการแนวราบที่จะเปิดตัวในไตรมาส 2 มีมูลค่าโครงการรวม 2,700 ล้านบาท คือ โครงการยูนิโอ ทาวน์ ประชาอุทิศ 76 และ URBANIO แจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นโครงการแนวราบแบรนด์ใหม่จากอนันดาที่พร้อมเปิดตัวในไตรมาสสองเช่นกัน
แผนธุรกิจทั้งหมดของบริษัทนั้นสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเน้นย้ำการเป็นผู้นำในตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าในประเทศไทย บริษัทยังคงเป้าหมายทั้งปีเนื่องจากผลการดำเนินงานที่เป็นไปตามเป้าหมาย
“อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงรักษาวินัยทางการเงินไว้อย่างเข้มงวด โดยจะรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนไว้ที่ 1 เท่า เป็นเป้าหมายระยะยาว เราต้องมั่นใจว่าการเติบโตของบริษัทจะไม่เพิ่มความเสี่ยงซึ่งมีผลกระทบต่อความมั่นคงของบริษัทในระยะยาว”
บทความโดย PropDNA