เจาะนโยบายนายกใหม่ธุรกิจรับสร้างบ้าน
โจทย์ใหญ่”ขยายฐาน”สมาชิก”ยกระดับสู่องค์กรขนาดใหญ่
ธุรกิจรับสร้างบ้านถือเป็นอีกตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะแต่ละปีมีมูลค่านับหมื่นล้านบาท แม้ว่าการเติบโตจะไม่ได้หวือหวาแต่ ก็มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ประเมินตัวเลขจะพุ่งขึ้นถึง 11,000 ล้านบาท ล่าสุดสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เพิ่งได้นายกสมาคมคนใหม่ คนที่ 8 “ศิริพร สิงหรัญ “ ที่จะมาดำรงตำแหน่งวาระ 2 ปี (2561-2562 ) ถือเป็นการรับตำแหน่งในช่วงเวลาที่ท้าทาย ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งด้านเทคโนโลยี และพฤติกรรมของผู้บริโภค
ศิริพร บอกว่า ได้กำหนดกรอบยุทธศาสตร์การทำงาน มุ่งพัฒนาสมาคมฯ แบบยั่งยืนเพื่อให้ “รับสร้างบ้านจะเป็นมืออาชีพที่ผู้บริโภควางใจ” นำไปสู่องค์กรคุณภาพมีความน่าเชื่อถือ และเป็นศูนย์รวมข้อมูลเกี่ยวกับการับสร้างบ้านทั้งในเชิงสถิติและนวัตกรรม อีกทั้ง การเป็นผู้นำแนวคิดและเทรนด์การรับสร้างบ้านของสังคมไทย
อีกทั้งให้ความสำคัญกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนในการสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจร่วมกันให้มากยิ่งขึ้น ด้วยเชื่อมั่นว่าเครือข่ายที่แข็งแกร่งจะนำพาสมาชิกและสมาคมฯ ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ เป้าหมายสำคัญ การสร้างสมาคมให้เป็นองค์กรขนาดใหญ่ขึ้น ด้วยการขยายเพิ่มจำนวนสมาชิกทุกประเภทขึ้นอีกอย่างน้อย 10 % จากปัจจุบันที่มีอยู่จำนวนทั้งสิ้น 127 ราย
“สมาคมฯจะเปิดโอกาสให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ทำธุรกิจรับสร้างบ้านได้เข้ามาเป็นสมาชิกมากขึ้น พร้อมทั้งผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างสมาชิกและเครือข่าย ส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ เน้นการแชร์ประสบการณ์ องค์ความรู้จากบริษัทที่มีประสบการณ์สู่คนรุ่นใหม่ให้สามารถต่อยอดไอเดียการทำธุรกิจรับสร้างบ้านให้ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบันให้มากที่สุด ทั้งนี้กิจกรรมส่งเสริมการตลาดหลักของสมาคมฯ ทั้ง 2 งาน คือ “งานรับสร้างบ้านและวัสดุ (Home Builder & Materials Focus 2018) ที่จะมีขึ้นในเดือนมีนาคม และ “งานรับสร้างบ้านและวัสดุ (Home Builder & Materials Expo 2018) ในเดือนสิงหาคมได้เพิ่มกิจกรรมที่ช่วยต่อยอดองค์ความรู้ของธุรกิจในแบบ Exclusive และช่วยให้ขยายฐานเครือข่าย โดยจะเปิดโอกาสให้บริษัทที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสมาคมมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมมากขึ้น ”
ส่วนความร่วมมือที่สมาคมฯ ได้ร่วมกับภาครัฐและกิจกรรมของสมาคมฯ ที่ผ่านมามีหลายโครงการที่สมาคมฯ ได้ร่วมกับภาครัฐและยังวางแผนดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการทวิภาคี ซึ่งสมาคมฯ ได้ดำเนินการร่วมกับกรมอาชีวศึกษามาถึงรุ่นที่ 6 ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากสมาชิกสมาคมฯ ซึ่งถือเป็นโครงการที่สนับสนุนทุนมนุษย์ที่ประสบความสำเร็จทั้งในด้านการศึกษาและอาชีพเป็นแบบอย่างการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยได้มีการวางแผนร่วมกับฝ่ายพัฒนาธุรกิจในการนำนักศึกษาในโครงการเข้าร่วมดูงานในโรงงานวัสดุก่อสร้างของสมาชิก เพื่อเพิ่มความรู้ทักษะด้านวัสดุ และเทคนิคการก่อสร้างให้มากขึ้น
ศิริพร ยังฉายภาพตลาดรับสร้างบ้านในกรุงเทพ-ปริมณฑลปี 2561 เชื่อว่าตลาดจะยังคงเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 5% มูลค่าเพิ่มเป็น 11,000 ล้านบาท โดยมีสัญญาณที่ดีทางเศรษฐกิจมาตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2560 โดยสินค้ากลุ่มหลักยังคงเป็นบ้านราคา 2.5-5 ล้านบาท คิดเป็น 40% ของยอดขายรวม รองลงมาเป็นกลุ่มราคา 5-10 ล้านบาท คิดเป็น 36% ของยอดขายรวม ส่วนที่เหลือคือบ้านกลุ่มราคาต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท สัดส่วน 10% กลุ่มราคา 10-20 ล้านบาท สัดส่วน 5% และมากกว่า 20 ล้านบาท สัดส่วน 4%
สำหรับเทรนด์แบบบ้านที่น่าจับตามอง 4 เทรนด์หลัก ได้แก่ 1.บ้านรักษ์โลก ประหยัดพลังงาน 2.บ้าน 3 เจนเนอเรชั่น เป็นมิตรกับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ 3.บ้านส่งเสริมไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยแบบครอบครัวขยายแต่ยังคงเป็นส่วนตัว ผู้บริโภคนิยมก่อสร้างบ้านสูง 3 ชั้นขึ้นไปเพื่ออยู่ร่วมกันได้ทั้งหมด และ 4.Innovative Living คือบ้านอัจฉริยะ สามารถสั่งการด้วยเทคโนโลยี เช่น เปิดปิดไฟฟ้า ผ้าม่าน เครื่องปรับอากาศ
เป้าหมายการสร้างธุรกิจรับสร้างให้เป็นองค์กรขนาดใหญ่ นับเป็นโจทย์ที่ท้าทายของนายกสมาคมฯธุรกิจรับสร้างคนใหม่ที่ต้องติดตาม