เดอะ ไลน์ จตุจักร – หมอชิต โครงการใหญ่ภายใต้การร่วมทุน บีทีเอส – แสนสิริ มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท เผยผลตอบรับดีทั้งจากลูกค้าไทยและต่างชาติ พร้อมโอนกรรมสิทธิ์แล้ว ลุยสานต่อแผนร่วมทุนระยะยาวกับบีทีเอส

เดอะ ไลน์ จตุจักร – หมอชิต โครงการใหญ่ภายใต้การร่วมทุน บีทีเอส – แสนสิริ

มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท เผยผลตอบรับดีทั้งจากลูกค้าไทยและต่างชาติ       

พร้อมโอนกรรมสิทธิ์แล้ว ลุยสานต่อแผนร่วมทุนระยะยาวกับบีทีเอส 

บีทีเอส-แสนสิริ เปิดม่านเดอะ ไลน์ จตุจักร – หมอชิต โครงการคอนโดมิเนียมโครงการแรกภายใต้การพัฒนาของบริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด หลังสร้างปรากฏการณ์ขายโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมกันหลายประเทศเป็นครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ  โดยขณะนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้ลูกบ้านเข้ามาตรวจรับมอบห้องเพื่อดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์แล้ว มั่นใจสามารถโอนได้กว่า 3,000 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ ตอกย้ำความสำเร็จด้วยจุดเด่นของทำเลจะเป็นศูนย์กลางเครือข่ายการคมนาคมที่สำคัญที่สุดของไทยในอนาคตอันใกล้ เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยและการลงทุนที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุดในระยะยาว พรั่งพร้อมด้วยองค์ประกอบเพื่อความสะดวกสบายสำหรับชีวิตคนเมือง ทั้งยังมีไฮไลต์การอัพเกรดเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยในโครงการ      ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลอย่างไร้รอยต่อ พร้อมสานต่อความสำเร็จกับการผนึกกำลังร่วมทุนกันในระยะยาว

นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บีทีเอสและแสนสิริมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในทำเลที่สะดวกต่อการเดินทาง และคุ้มค่าต่อการลงทุนในระยะยาว โครงการ เดอะ ไลน์ จตุจักร – หมอชิต ถือเป็นโครงการแรกที่เราร่วมกันพัฒนาเพื่อสร้างสรรค์ความเป็นเลิศในทุกมิติ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก เรียกได้ว่าเป็นการพลิกโฉมวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยเมื่อสองปีก่อน โดยเราพร้อมจะสานต่อความสำเร็จนี้ ด้วยความแข็งแกร่งในด้านเงินทุนของกลุ่มบริษัทบีทีเอส รวมถึงการมีที่ดินทำเลดีที่พร้อมพัฒนาอยู่ในมือ เมื่อผนวกรวมกับความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของแสนสิริ เพื่อการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ต่อไปในอนาคต”

นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โครงการเดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต เปิดตัวในปี 2558 และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในแวดวงอสังหาฯไทยเป็นครั้งแรกด้วยการเปิดขายพร้อมกันทั้ง 3 ประเทศ คือประเทศไทย ฮ่องกง และสิงคโปร์ มีลูกค้าต่างชาติให้ความสนใจโครงการและเข้าร่วมงานโรดโชว์กว่า 2,500 ราย โดยสัดส่วนผู้ซื้อโครงการเป็นคนไทย 85% และชาวต่างชาติ 15% ซึ่งจากความสำเร็จในครั้งนี้ บีทีเอสและแสนสิริจึงได้ร่วมกันพัฒนาโครงการแบรนด์เดอะ ไลน์ อย่างต่อเนื่อง อาทิ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71, เดอะ ไลน์ ราชเทวี, เดอะ ไลน์ อโศก-รัชดา ซึ่งสามารถปิดการขายได้ตั้งแต่ในวันพรีเซล รวมถึงการคว้ารางวัลชนะเลิศใน 4 สาขาใหญ่ จากเวที “ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ ครั้งที่ 12” สำหรับโครงการเดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 และเดอะ ไลน์ พหลฯ-ประดิพัทธ์     ซึ่งทุกโครงการประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมทั้งด้านยอดขาย และการพัฒนาโครงการฯ ทั้งตลาดลูกค้าในประเทศและต่างประเทศเช่นเดียวกัน โดยพร้อมที่จะตอบโจทย์การอยู่อาศัยของผู้บริโภคยุคใหม่เสมอ และในอนาคตเรายังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์เดอะ ไลน์ และแบรนด์อื่นๆ  อย่างต่อเนื่อง ตามแผนลงทุน 5 ปี ที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 25 โครงการ มีมูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งการเป็นพันธมิตรในระยะยาวของบีทีเอสและแสนสิริ จะช่วยเพิ่มความเป็นเลิศในการรังสรรค์โครงการ รวมถึงความเชื่อมั่นในตัวผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ โดยในปีหน้า เรามีแผนที่จะเตรียมโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมภายใต้บริษัท     บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด เพิ่มอีก3 โครงการ ได้แก่ เดอะ ไลน์ ราชเทวี, เดอะ ไลน์ อโศก – รัชดา และโครงการเดอะ เบส การ์เดน – พระราม 9  โดยมีรวมมูลค่ากว่า 10,200 ล้านบาท และปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ของบริษัทร่วมทุนกับบีทีเอสที่จะรอการรับรู้รายได้ใน 3 ปี อีก 24,000 ล้านบาท”

เดอะ ไลน์ จตุจักร – หมอชิต ภายใต้การพัฒนาของบริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด เป็นคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์สูง 43 ชั้น จำนวน 841 ยูนิต มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 25.25 – 105.75 ตร.ม ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดกว่า 4 ไร่ ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีหมอชิต และรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสวนจตุจักร พร้อมสกายวอล์คจากบีทีเอสสถานีหมอชิตเชื่อมต่อโครงการผ่านคอมมูนิตี้ มอลล์ด้านหน้าโครงการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการมากขึ้น โดยมีพร้อมใช้งานในต้นปี 2561  นอกจากนี้โดยรอบโครงการยังแวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทั้งอาคารสำนักงาน โรงพยาบาล ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ตลาดนัดจตุจักร ตลาด อตก. รวมถึงพื้นที่สีเขียวโดยรอบกว่า 700 ไร่

นางสาววรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “โครงการเดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต เป็นตัวเลือกที่ให้ความคุ้มค่ามาก เมื่อพิจารณาจากจุดแข็งด้านต่าง ๆ ของโครงการในแง่ของการอยู่อาศัยด้วยทำเลที่ตั้งอยู่บนศูนย์กลางการคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในไทย ทั้งยังเป็น Smart Condo แห่งแรกของแสนสิริที่เราเพิ่มเติมเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่เราให้ตลอดสองปีในการก่อสร้างทั้งนี้ ปัจจัยแห่งความสำเร็จของโครงการเดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต ได้แก่

  1. ความเชื่อมั่นในศักยภาพของแบรนด์บีทีเอสและแสนสิริ – การผนึกกำลังระหว่างบีทีเอส ที่มีความแข็งแกร่งในด้านเงินทุนและทีดินทำเลศักยภาพ กับแสนสิริที่เป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยมาหลายทศวรรษ เป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นในตัวแบรนด์สำหรับผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติ ทำให้มีผู้สนใจโครงการตั้งแต่ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
  2. ศักยภาพด้านทำเลพหลโยธิน-ลาดพร้าว ถือได้ว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงมากในระยะยาว ด้วยโครงการศูนย์คมนาคมพหลโยธิน หรือสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งเมื่อเสร็จสมบูรณ์ จะทำให้พื้นที่นี้เป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมขนส่งที่สำคัญและใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เป็นทั้งจุดเชื่อมโยงรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ รถไฟจากกรุงเทพฯ สู่ภูมิภาค และรถไฟความเร็วสูงครอบคลุม 4 เส้นทางทั่วทุกภาค และมีแผนการขยายเส้นทางถึงประเทศเพื่อนบ้านด้วย ที่สำคัญยังเป็นชุมทางรถโดยสารสาธารณะทางด่วน 2 สาย จึงทำให้มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ในบริเวณโดยรอบเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งราคาที่ดินและราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นมี Gross Rental Yield เฉลี่ยอยู่ที่ 5-6 % ต่อปี สำหรับโครงการ เดอะ ไลน์ จตุจักร – หมอชิต      มีราคาเฉลี่ยที่ประมาณ 170,000 บาท/ตร.ม เมื่อตอนเปิดโครงการปี 2558 และปัจจุบันราคาพุ่งขึ้นเป็น 185,000 ล้านบาท/ตร.ม. หรือประมาณ 10% และในอนาคตราคายังมีโอกาสที่จะขยับตัวได้อีกอย่างมาก หากแผนพัฒนาพื้นที่ตามแผนของรัฐบาลก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ นอกจากนี้โครงการยังรายล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียวจากสวนสาธารณะที่มีขนาด 700 ไร่ และวิวเมืองที่สวยงามโดดเด่น เมื่อพิจารณาทุกองค์ประกอบแล้ว จึงเหมาะสำหรับการอยู่อาศัยเองและสำหรับการลงทุนในระยะยาว
  3. Smart Condominium แห่งแรกของแสนสิริ – การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ประกอบด้วย

  • ระบบการเข้าออกอาคารโดยใช้บัตรแรบบิตการ์ดรุ่นพิเศษ ที่สามารถใช้ทั้งเป็นตั๋วโดยสาร บีทีเอส และเข้าออกคอนโดมิเนียม และพื้นที่สันทนาการอื่น ๆ ในโครงการ, ระบบ RFID สำหรับการเปิด ปิด ทางเข้าคอนโดโดยอัตโนมัติ
  • ระบบ Booking Facility เพื่ออำนวยความสะดวกในการจองห้องและสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางผ่าน Home Service Application,
  • ระบบเปิดปิดไฟในพื้นที่ส่วนกลางแบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน
  • Smart Locker สามารถใช้โค้ดส่วนตัวมาเปิดรับของได้ด้วยตนเองจาก locker ได้ตลอดเวลาพร้อมตรวจสอบได้จากทาง Home Service Applications
  • Trendy Wash ระบบการเติมเงินซักผ้าใน E-wallet ที่สอดคล้องกับเทรนด์สังคมไร้เงินสด (Cashless) พร้อมระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อเครื่องซักผ้าเสร็จเรียบร้อย
  • Good Waste Refun Machine ตู้รีไซเคิลขวดอัตโนมัติ ลูกบ้านสามารถนำขวดพลาสติกมารีไซเคิลในเครื่อง เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินเข้าส่วนกลางเพื่อบำรุงโครงการ หรือบริจาคเข้ามูลนิธิตามที่กำหนด
  • Smart Move บริการเช่ายานพาหนะในโครงการของแสนสิริเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตให้กับคนรุ่นใหม่ โดยมี รถยนต์ BMW รุ่น i3 ที่ควบคุมและใช้พลังงานไฟฟ้า 100% สำหรับ Car Sharing ให้ลูกบ้านได้เช่าใช้ และคิดค่าบริการจริงเป็นนาที พร้อม EV Charger เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

นอกจากนั้น ยังมีการยกระดับระบบในอาคารและองค์ประกอบต่าง ๆ เพิ่มเติม อาทิ ระบบการระบายอากาศ (Ventilation system) ทำให้อากาศไหลเวียนและถ่ายเทภายในโครงการ โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศในบางวัน, Blocks wall ภายในห้องเด็กเล่น เป็นเอาไฮไลท์ส่งตรงจากงาน Milan Fair เพื่อให้น้อง ๆ ได้ส่งเสริมจินตนาการไม่รู้จบ, ฟิตเนสที่เห็นวิว 360 องศา พร้อมด้วยเครื่องออกกำลังกายชั้นนำระดับโลกที่ครบครัน และพิเศษยิ่งกว่าสำหรับเครื่องออกกำลังกายที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้รถเข็นโดยเฉพาะ ฯลฯ

 

 จากความสำเร็จอันล้นหลามจากโครงการ เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมอื่นๆ ภายใต้แบรนด์ เดอะ ไลน์  ในเร็วๆ นี้ เตรียมพบกับการเปิดตัวโครงการ เดอะ ไลน์ สาทร โครงการคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์ล่าสุด ที่จะชูจุดเด่นทั้งในด้านสุดยอดทำเล 0 เมตรจาก รถไฟฟ้าสถานีสุรศักดิ์ และนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยอีกเช่นเคย