เผยคนกรุงมั่นใจ เลือกลงทุนในตลาด “ลีสโฮลด์” มากขึ้น
“สยามสินธร” ขานรับไลฟ์สไตล์ จัดใหญ่อีก 3 โครงการ
ราคาที่ดินร้อนแรงจนยากจะประเมินมูลค่าออกมาได้!! “สยามสินธร” เผยผลสำรวจข้อดีลีสโฮลด์ คาดว่าจะเป็น เทรนด์การลงทุนในอนาคต พร้อมชูความเชี่ยวชาญ เผยแผนบุกตลาด “ลิสโฮลด์” เชื่อเป็นไปตามหัวเมืองใหญ่ของโลก ที่นับวันพื้นที่ไพร์มโลเคชั่นจะมีราคาสูง “ลีสโฮลด์” หรือ สิทธิการเช่าระยะยาว จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เหมาะสมสำหรับนักลงทุน สอดคล้องกับผลวิจัยของบริษัทฯ เรื่องคนกรุงเปิดใจเทเม็ดเงินลงทุนในตลาดนี้มากขึ้น วัดได้จากความสำเร็จของ “สินธร เรสซิเดนซ์” ฟีดแบคดีเกินคาด เดินหน้าลุยต่ออีกสามโปรเจกต์ สินธร ต้นสน , สินธร หลังสวน และ สินธร ลุมพินี รองรับไลฟ์สไตล์คนเมือง นอกจากนั้นยังมีรายงาน เจาะผลสำรวจสเปคนักลงทุนมองเรื่อง 1.ทำเล 2.วัสดุ 3.ราคา 4.ดีเวลลอปเปอร์ คีย์ซัคเซส คือ เจ้าของที่ดินพัฒนาและบริหารโครงการฯ เองจะเป็นแรงหนุนสำคัญ
นายขจรเดช แสงสุพรรณ กรรมการบริหาร บริษัท สยามสินธร จำกัด เผยว่า ตามที่ สยามสินธร ได้เปิดขายโครงการสินธร เรสซิเดนซ์ ตั้งแต่ปี 2558 จนปัจจุบันปิดการขายได้ 85% ใช้ระยะเวลารวม 2 ปี ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเกินคาด ทั้งนี้ยังมีกลุ่มลูกค้าทั้งนักลงทุนชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่มองหาทำเลใจกลางเมืองเพื่ออยู่อาศัยและสนใจสิทธิการเช่าระยะยาว จากผลสำรวจส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของธุรกิจและผู้บริหารระดับสูง ต้องการอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวกสบาย แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆครบครัน และอีกกลุ่มคือนักลงทุนซึ่งต้องการทำเลที่ดี ปล่อยเช่าง่าย และได้ yield ที่สูง โดยบริษัทฯ คาดว่าต่อไปจะมีการการเติบโตของตลาด Leasehold อย่างแน่นอนในอนาคต เนื่องจาก Freehold ใจกลางเมืองมีราคาแพงมากและเหลือน้อยเต็มที โดยเฉพาะบริเวณ หลังสวน ราชดำริ วิทยุ เพลินจิต
ลีสโฮลด์ ทางเลือกการลงทุนในคอนโดใจกลางเมือง
เพราะปัจจุบันนี้ราคาที่ดินใจกลางเมืองที่ถีบตัวสูงขึ้น ทำให้การหาคอนโดฯ ทำเลสวยใจกลางเมือง อาจดูไกลเกินเอื้อม “ลีสโฮลด์” หรือ สิทธิการเช่าระยะยาว ดูจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเลยทีเดียว โดยได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ชั้นนำของโลก เพราะหากเปรียบเทียบกับ “ฟรีโฮลด์” หรือ “การซื้อขาด” ในทำเลเดียวกัน ราคาของลีสโฮลด์ อาจถูกกว่าตั้งแต่ 30-50 % คนที่หวังมีที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง ก็ดูจะไม่ไกลเกินเอื้อม ด้วยระยะเวลาการเช่า 30 ปี และได้สิทธิต่ออายุอีก 30 ปี
ขณะที่ในแง่มุมของการลงทุน ลีสโฮลด์ ก็สามารถทำราคาค่าเช่าได้เท่ากับฟรีโฮลด์ ในทำเลเดียวกัน หมายความว่าใช้เงินลงทุนน้อยกว่า แต่ได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า นี่เป็นจุดที่หลายคนอาจมองข้ามไป
ขณะที่จุดแข็งอีกประการของลีสโฮลด์ โดยเฉพาะโครงการที่เจ้าของที่ดินเป็นผู้พัฒนาเอง ก็คือการดูแลรักษาสภาพอาคาร แน่นอนว่าหากเป็นการขายขาด ภาระหน้าที่ตรงนี้จะกลายเป็นของนิติบุคคลอาคารชุดที่จัดตั้งขึ้นมา แต่หากเป็นการเช่าสิทธิระยะยาวที่มีเจ้าของที่ดินเป็นผู้พัฒนาโครงการเอง การดูแลเอาใจใส่ ตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ไปถึงการบำรุงรักษาอาคาร จะดำเนินการโดยผู้พัฒนาโครงการ ดังนั้น มูลค่าของอาคารในระยะยาวย่อมมีมากกว่านั่นเอง นี่ก็คืออีกหนึ่งในทางเลือกของการลงทุนในคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง ที่น่าจับตาอย่างยิ่ง
วางแผนการตลาดเชิงรุก บุกตลาด ลีสโฮลด์ ต่อเนื่อง
ถือได้ว่าที่ผ่านมา ลูกค้ามีการเปิดรับโครงการ leasehold มากขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับโดยเฉพาะคนไทย ว่าเป็นโอกาสในการพักอาศัย ซึ่งลูกค้าใหม่ๆที่เข้ามาจะมีความเข้าใจและรู้จักโครงการประเภท leasehold อยู่แล้วประมาณหนึ่งและพร้อมที่จะพิจารณาโครงการ leasehold เป็นหนึ่งในตัวเลือกเพื่อเปรียบเทียบกับโครงการอื่นๆ รวมถึงเปรียบเทียบกับโครงการ freehold ด้วย ทั้งนี้เมื่อลูกค้าได้รับฟังและศึกษาข้อมูลของโครงการ ก็จะได้เห็นถึงข้อดีข้อเสีย และจุดแตกต่างของโครงการทั้ง 2 รูปแบบเพื่อประกอบการพิจารณาเลือกที่ที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุดต่อไปทั้งในแง่อยู่อาศัยและการลงทุน
จากการศึกษาตลาด ปัจจัยหลักๆที่ลูกค้าตัดสินใจซื้อโครงการสินธร วิลเลจ มีดังนี้
- Best Location
- คุณภาพโครงการ วัสดุอุปกรณ์ที่โครงการเลือกใช้ที่เหนือกว่าโครงการอื่น และคำนึงถึงการอยู่อาศัยจริงในระยะยาว
- ราคาที่ต่ำกว่าโครงการ freehold ในระดับและlocation เดียวกัน ส่งผลทั้งในแง่ราคาซื้อที่ต่ำกว่าและ yield ผลตอบแทนต่อปีสูงขึ้น
- การที่ developer เป็นเจ้าของที่ดินและเป็นผู้ดูแลบริหารโครงการเอง เป็น building management เอง เพื่อให้แน่ใจว่าโครงการจะคงคุณภาพระดับสูงไปตลอด การดูแลซ่อมบำรุงจะไม่ถูกละเลย ตัวอาคารเป็นอาคาร Green Building ที่ออกแบบตามมาตรฐาน LEED จึงประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดี
- โครงการเลือกใช้ผู้รับเหมามาตรฐานสูง Thai Obayashi
- การเพิ่ม option การต่อสัญญาทุก 10 ปี ให้ลูกค้าเพื่อช่วยเพิ่ม liquidity ของ asset
นอกจากนี้ผลการศึกษายังเผยถึง ปัจจัยหลักในการเลือกโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่ดี มีคุณภาพ คือ ความน่าเชื่อถือในโครงการอสังหาริมทรัพย์ เป็นผู้พัฒนาโครงการเอง, มีการออกแบบก่อสร้างที่ดี และได้มาตรฐานตัวอาคาร มีความแข็งแรงทนทาน, เลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ ที่มีคุณภาพ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน, ระบบสาธารณูปโภคที่ดี มีการรักษาบำรุงอย่างต่อเนื่อง มีเอกภาพในการดำเนินการ, มีสัญญาเช่า และ รับประกันสิทธิการต่ออายุที่ชัดเจน สามารถขายสิทธิเช่าต่อได้ว่างในอนาคตหากต้องการ
เทรนด์การเติบโตของตลาด Lease Hold อาจวัดได้จาก New supply of leasehold condo ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี (graph) ด้านล่างคือข้อมูลบางส่วนที่ CBRE มี) จะเห็นได้ว่าNew Supply ของ Leasehold condo จะเพิ่มขึ้น และลดลง สลับกันทุก 3 ปี มีอัตราการเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่เป็นไปอย่างช้าๆ เมื่อเทียบ Avg. asking price per Sq.m. จะเห็นว่าราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยในการตัดสินใจ
แนวโน้มปัจจุบัน ลูกค้ามีความต้องการกับโครงการ Leasehold มากขึ้น ประกอบกับ สยามสินธร เป็นเจ้าของที่ดิน ที่ดูแลบริหารอาคารเอง ทำให้มั่นใจว่าการบริหารอาคารทำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ถูกกว่า เช่น ฟรีโฮลด์โอน 2 % ส่วนลีสโฮลด์โอน 1 % และสามารถโอนกรรมสิทธิ์การถือครองไปถึงลูกหลานได้
ส่วนข้ออื่นๆ เช่น ความมั่นใจในชื่อเสียงของ developer, construction quality, view, specifications etc. ทุกอย่างก็ต้องดี เพราะลูกค้าจะต้องเอาทั้งหมดนี้มา trade off กับความเป็น Leasehold ในส่วนของสยามสินธร จากผลการศึกษา พบว่าลูกค้าตัดสินใจเลือกโครงการฯ ของบริษัทจาก 1) ปากต่อปาก (ชื่อเสียงที่เกิดจากลูกค้าเก่า เชื่อในคนที่มาบอก, Influencer ) 2) ฝ่ายขายของสยามสินธรที่มีความรู้ความเข้าใจ และ 3) สื่อโฆษณาที่ตรงจุด
ผุดอีก 3 โปรเจคต์ ต่อยอดความสำเร็จ
หลังจากปิดการขาย ได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน ปิดได้ 85% ภายใน 2 ปี ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้า เช่น การดูแลและบริหารอาคารเอง, เลือกไทยโอบายาชิ เป็นผู้ก่อสร้างโครงการฯ (มีความมั่นคงแข็งแรง ตลอด 100 ปี) จึงเดินหน้าลุยต่ออีกสามโปรเจคต์ สินธร ต้นสน, สินธร หลังสวน และสินธร ลุมพินี รองรับไลฟ์สไตล์คนเมือง
ทั้งนี้บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดี จากชื่อเสียงและผลงานที่ผ่านมา สยามสินธรมีจุดแข็งที่ความเชี่ยวชาญและระบบบริหารจัดการ อีกทั้งเป็นบริษัทฯ ที่เน้นทำตลาดด้านนี้เฉพาะ ซึ่งมองเห็นโอกาสมาโดยตลอด ทังนี้ปัจจุบันสิทธิการเช่าระยะยาวในไพร์มโลเคชั่นที่ดีที่สุดของไทยเมื่อเทียบกับหัวเมืองชั้นนำต่างๆ ของโลกยังจัดได้ว่าถูกกว่ามาก อาทิ London zone1: THB 2,000,000 per Sq.m. Hong Kong: THB 1,450,000 per Sq.m. Shanghai: THB 1,000,000 per Sq.m. Singapore: THB 710,000 per Sq.m. ขณะที่ Bangkok: THB 250,000 per Sq.m.