สามบิ๊กสมาคมอสังหาฯ คว้าโอกาสทองโค้งสุดท้ายของปี
จัดมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37
สามสมาคมแกนหลักธุรกิจอสังหาฯ เดินหน้าจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37 ระดมผู้ประกอบการอัดโปรโมชั่นเรียกความมั่นใจผู้บริโภค พร้อมเชื่อสถาบันการเงินช่วยสนับสนุนปล่อยสินเชื่อภายในงาน ฟื้นภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ โค้งสุดท้ายของปี
นายอดิเรก แสงใสแก้ว ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37 เปิดเผยว่า “อสังหาฯ ในช่วงครึ่งปีหลังยังเป็นโอกาสที่ดีของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยและนักลงทุนในการเลือกซื้อสินค้ารูปแบบต่างๆ เพราะนอกจากผู้ประกอบการจะต้องการระบายสต็อคสินค้าแล้ว ยังแข่งขันกันเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง และพยายามออกโปรโมชั่นใหม่เพื่อจูงใจลูกค้ากันมากขึ้น ท่ามกลางความพยายามของเหล่าธนาคารที่จะตรึง อัตราดอกเบี้ยจนถึงปลายปีนี้”
“นอกจากนี้ โปรโมชั่นด้านการเงินจากเหล่าสถาบันการเงินที่ร่วมงานครั้งนี้ ยังจะช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก และเชื่อว่าจะทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินลดลงจากในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งอยู่ที่ 30 – 35% มาอยู่ที่ระดับ 17 – 20% ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี อีกทั้งยังมีการคาดการณ์ว่าในครึ่งปีหลังว่าภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ จะกลับมาเติบโตทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ส่งผลให้ทั้งปีมีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับไม่เกิน 5% ทำให้ทางสามสมาคมอสังหาฯ ผู้จัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37 เชื่อว่างานครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี”
สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอาคารชุดไทย ได้ร่วมกันจัดงานมหกรรมบ้าน และคอนโด ครั้งที่ 37 ขึ้นระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 5 ถึงวันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม 2560 เวลา 10.00 – 20.00 น.
ณ บริเวณโซนซี ชั้น 1 และ 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยรวมโครงการมากกว่า 1,000 โครงการจากผู้ประกอบการรายเล็กถึงรายใหญ่ รวมถึงผู้ประกอบการที่มีการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติ ตลอดจนสถาบันการเงินและโบรกเกอร์อสังหาฯ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง รวมเกือบ 200 รายมาร่วมงานครั้งนี้ สำหรับประเภทสินค้าภายในงานจะครอบคลุมโครงการอสังหาฯ ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม รีสอร์ท สนามกอล์ฟ ตลอดจนที่ดินเปล่า ทั้งยังมีบ้านมือสอง และบ้าน NPA อีกด้วย โดยแบ่งเป็นโครงการแนวสูง 60% และแนวราบ 40%
นายอดิเรกกล่าวว่า “ผู้บริโภคที่ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยภายในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37 ยังจะได้รับ ประโยชน์เต็มๆ จากโปรโมชั่นทุกรูปแบบที่ผู้ประกอบการจำนวนมากแข่งขันกันออกมา รวมถึงโปรโมชั่นใหญ่ของ งานฯ สำหรับผู้ที่จองที่อยู่อาศัยภายในงานทุก 300,000 บาท จะได้รับคูปอง 1 ใบ เพื่อลุ้นบัตรกำนัลส่วนลดเงินสดมูลค่า 1 ล้านบาท อีกด้วย โดยคาดว่าตลอดการจัดงาน 4 วัน จะมียอดคนเดินงานกว่า 100,000 คน และมียอดขายใน มากกว่า 4 พันล้านบาท และยอดขายต่อเนื่องตามหลังงานอีก 3 – 4 เท่าตัว รวมแล้วไม่ต่ำกว่า1 หมื่นล้านบาท”
“งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37 นี้ ยังเป็นงานที่เปิดประตูสู่ลูกค้ากลุ่ม Gen Y อย่างเต็มที่ ด้วยคอนเซ็ปต์ “Living Solution” มิติใหม่แห่งพื้นที่ ที่อยู่อาศัย ซึ่งเหล่าผู้ประกอบการพร้อมเสนอโครงการที่มีรูปแบบดีไซน์ที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เหล่าผู้ประกอบการกำลังให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเริ่มลงทุนกับการพัฒนานวัตกรรมด้านที่อยู่อาศัยในอนาคตอย่างจริงจัง ไม่เพียงแต่ในเรื่องเทคโนโลยีด้านก่อสร้าง ระบบจัดการภายในบ้าน ระบบการซื้อขายที่อยู่อาศัยผ่านออนไลน์ ไปจนถึงเทคโนโลยีด้านที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ที่รองรับยุค Internet of Thing (IoT) เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่มากขึ้นด้วย”
“ปัจจุบัน มีจำนวนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุในช่วง 25 – 35 ปี หรือ Gen Y นิยมซื้อคอนโดฯ เพื่ออยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้า เพื่อความสะดวกในการทำงานและต้องการไลฟ์สไตล์คนเมืองอย่างแท้จริง ทั้งยังเป็น กลุ่มดีมานด์จริงด้วย ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายหันมาให้ความสนใจกับกลุ่มนี้มากขึ้น ในขณะนี้อีกหลายราย มุ่งจับตลาดกลาง-บน ที่มีราคา 100,000 – 300,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไป เน้นโซนใจกลางเมืองย่าน CBD ใกล้ที่ทำงานเดินทางได้สะดวก อย่างโซนพร้อมพงษ์-ทองหล่อ-เอกมัย, เพลินจิต-ชิดลม, อโศก-รัชดา-พระราม 9 และตามแนวรถไฟฟ้าเส้นสุขุมวิท เป็นต้น ซึ่งเป็นโซนยอดนิยมของกลุ่มชาวต่างชาติอีกด้วย”
“นอกจากนี้ โครงการในระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป รวมไปถึงคอนโดฯ รีเซล และโครงการคอนโดฯ ตามแนวรถไฟฟ้าก็คาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ซื้อที่มางานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งนี้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นตลาดที่มีดีมานด์จริงอยู่ โดยเฉพาะโครงการคอนโดฯ แนวรถไฟฟ้า ซึ่งมีจำนวนยูนิตเปิดใหม่เพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่องตั้งแต่
ช่วงครึ่งปีแรก ทั้งเส้นใจกลางเมืองหรือเส้นรอบนอกเมือง ไม่ว่าจะเป็นทำเลรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงอ่อนนุช-บางนา-แบริ่ง ทำเลบนถนนลาดพร้าว ช่วงต้นรัชโยธิน-เกษตรนวมินทร์ หรือ ทำเลสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-สะพานพระนั่งเกล้า เป็นต้น” นายอดิเรก กล่าวทิ้งท้าย