เซ็นจูรี่ 21 ฯ รีแบรนด์ใหม่ รับมือธุรกิจยุคดิจิทัล –พฤติกรรมผู้บริโภคเปลึ่ยน เผยผู้ประกอบการหันใช้ระบบพรีเอเยนต์ ฉุดยอดขายลด 30-40%
นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานและผู้ก่อตั้ง บริษัท เซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ได้ปรับโฉมแบรนด์เซ็นจูรี่ 21 ประเทศไทยใหม่ หลังจากได้เปิดดำเนินการมา 10 ปี โลก โดยปรับตามบริษัทแม่เซ็นจูรี่ 21 สหรัฐอเมริการปรับโฉมแบรนด์ใหม่ทั่วโลก พร้อมทั้งได้ปรับโครงสร้างการบริหาร โดยตน นอกจากเป็นประธานและผู้ก่อตั้งบริษัทเซ็นจูรี่ 21 ประเทศไทยแล้ว ยังเป็นถือลิขสิทธิ์แบรนด์ เซ็นจูรี่ 21 ลาวด้วย และยังได้แต่งตั้งนายธิติวัฒน์ ธีรกุลธัญโรจน์ บริหารงานในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
ทั้งนี้ เพื่อรองรับการแข่งขันธุรกิจในยุคดิจิทัล โดยอินเตอร์เน็ต(IOT:Internet of Things) เข้ามามีบทบาทในการทำงานให้อยู่บนโลกออนไลน์ ประกอบกับกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายในปัจจุบันคือกลุ่ม Millennials (อายุ 22-37ปี) ที่เติบโตมากับโลกไร้สาย ดังนั้น การตลาดต้องปรับตัวให้สอดรับกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และการตัดสินใจของคนกลุ่มนี้ต้องอาศัยข้อมูลเป็นจำนวนมากจากหลายแหล่ง อีกทั้งมีผลสำรวจพบว่าคนนี้จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นและมากที่สุดในโลกไปอีก 10-20 ปี
ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนหันมาเลือกที่อยู่อาศัยบนระบบออนไลน์ โดยจะใช้เวลาเลือก 5 ชั่วโมงต่อวัน นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังหันมาใช้ตัวแทนขายแบบฟรีเอเจนต์ ทั้งไทยและต่างชาติ ส่งให้รายได้บริษัทโบรกเกอร์ลดลง มากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในส่วนของบริษัทยอดขายที่อยู่อาศัยลดลงไปกว่า 30-40% แต่ในส่วนของกำไรยังคงรักษาไว้ได้ โดยส่วนใหญ่มาจากการขายที่ดิน ทำให้บริษัทหันมาปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
“เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด การทำงานของทุกธุรกิจต้องปรับตัว เช่นเดียวกับวงการอสังหาฯ จำเป็นต้องปรับตัว รวมถึงการคิดค้นโมเดล ธุรกิจใหม่ที่เชื่อมโยงความเป็นไลฟ์สไตล์ผ่านทำธุรกรรมโดยใช้สกุลเงินดิจิทัล ที่กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนที่มหาศาล”
สำหรับแนวทางการทำธุรกิจ หลังจากนี้ จะเน้นทำตลากในต่างประเทศมากขึ้น ทั้งการนำที่อยู่อาศัยในไทยไปขายยังลูกค้าต่างชาติ อาทิ จีน ฮ่องกง ใต้หวัน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ นอกจากนี้ยังรับบริหารงานขายในต่างประเทศ อาทิ กัมพูชา ลาว พร้อมทั้งเปิดรับเอเจนท์โดยไม่จำกัด ในการนำอสังหาฯของบริษัทได้ขายและให้ผลตอบแทนในอัตราที่สูง ถึง 80% จากเดิมที่ให้ผลตอบแทนเพียง 35-50% โดยรูปแบบนี้ใช้กันอย่างแพ่หลายในมาเลเซียซึ่งได้ผลดีมาก เพราะหากมีเอเจนท์จำนวนมากการขายก็จะทำได้เร็ว
ด้านนายธิติวัฒน์ ธีรกุลธัญโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มุ่งเน้นในสิ่งที่บริษัทชำนาญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำการซื้อ-ขาย และเป็นที่ปรึกษาเรื่องที่ดินเพื่อการลงทุน อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับเครือข่ายแฟรนไชส์ ปัจจุบันมีสาขาทั้งสิ้น 30 ราย