ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง
- เดินหน้าเพิ่มศักยภาพองค์กร – ภาคธุรกิจในเมืองไทยและอาเซียน ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันระดับสากล ด้วยโปรแกรมการเทรนคุณภาพที่สอดคล้องกับบริบทของแต่ละองค์กร
- ผสานความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและสถาบันพัฒนาศักยภาพผู้นำและทรัพยากรบุคคลระดับโลก ให้ผู้นำและผู้บริหารระดับสูงขององค์กรได้ต่อยอดวิสัยทัศน์และเรียนรู้โดยตรงกับนักคิดและผู้เชี่ยวชาญระดับโลก
- ก่อตั้งบนพื้นที่ใหญ่กว่า 4,550 ตารางเมตร สวยงาม ทันสมัย ครบวงจร เพื่อเป็นพื้นที่ ที่ส่งเสริมการเรียนรู้อย่างแท้จริง
“SEAC” (เอสอีเอซี หรือ South East Asia Center) ศูนย์พัฒนาผู้นำและผู้บริหารระดับสูง เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ชูวิสัยทัศน์ “SEAC คือ ศูนย์พัฒนาผู้นำและผู้บริหารระดับสูงที่ครบวงจรและใหญ่ที่สุดแห่งแรกในอาเซียน” ด้วยงบดำเนินการกว่า 300 ล้านบาท มุ่งขยายขอบเขตวิสัยทัศน์ ในการทำภารกิจเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้นำองค์กรและบุคลากร ไม่เพียงแค่ในประเทศไทย แต่ครอบคลุมไปในระดับประชาคมอาเซียน โดยหมายมั่นให้ SEAC เป็นศูนย์พัฒนาผู้นำและผู้บริหารระดับสูงที่องค์กรชั้นนำเลือก เพื่อมาศึกษาเรียนรู้อย่างใกล้ชิดกับนักคิดทางธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสถาบันระดับโลก ผ่านโปรแกรมการเรียนการสอนที่ถูกออกแบบเป็นพิเศษให้เหมาะสมและสอดคล้องในแต่ละธุรกิจ โดยภายในปีนี้ SEAC ยังตั้งเป้าเดินหน้าพัฒนาองค์กรในเมืองไทยและอาเซียนกว่า 500 องค์กร
SEAC แตกต่างอย่างโดดเด่นจากศูนย์พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทั่วไป เนื่องจาก SEAC ได้รับเอกสิทธิ์Exclusive Partnership จากสถาบันการศึกษาและเทรนนิ่งชั้นนำของโลก อาทิ Stanford Center for Professional Development มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด, สถาบันอาร์บิงเจอร์ (The Arbinger Institute), สถาบันเคน บลานชาร์ด (The Ken Blanchard Companies), สถาบันทิเรี่ยน (Tirian) ฯลฯ
ในโอกาสการเปิด SEAC อย่างเป็นทางการในวันนี้ ได้รับเกียรติจาก รศ.ดร. สมเจตน์ ทิณพงษ์ ประธานกรรมการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เป็นประธานและร่วมแสดงความยินดีภายในงาน โดยมี นางอริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC และทีมผู้บริหารของ SEAC ให้การต้อนรับ
นางอริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC กล่าวว่า “หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรและนำพาความเปลี่ยนแปลงมาพัฒนาองค์กรให้ก้าวสู่ความสำเร็จได้ คือ ผู้นำองค์กรที่มีศักยภาพ มีความเท่าทันสถานการณ์ เห็นเทรนด์ทางธุรกิจ และกล้าที่จะเปลี่ยน ทุกวันนี้โลกธุรกิจพัฒนาไป อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ผนวกกับพลวัตทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป ล้วนมีผลกระทบกับธรุกิจในทุกอุตสาหกรรม คู่แข่งในยุคปัจจุบันจึง ไม่ได้มาจากผู้ที่อยู่อุตสาหกรรมเดียวกันหรืออยู่ในประเทศเดียวกันอีกต่อไปเท่านั้น แต่คู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดอาจมาจากอุตสาหกรรมอื่น หรือจากต่างประเทศ ที่มองเห็นโอกาสและมีศักยภาพในการช่วงชิงความได้เปรียบทางธุรกิจก่อน การทำธุรกิจในยุคปัจจุบันจึงไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จและอยู่รอดได้อย่างยั่งยืนได้เลย หากยังมุ่งที่จะทำธุรกิจจากฐานลูกค้ากลุ่มเดิม ตลาดเดิม และด้วยวิธีการแบบเดิมๆ ต่อไป”
“เราวางเป้าหมายไว้ว่าภายในปีนี้ SEAC จะสามารถเดินหน้าพัฒนาองค์กรในเมืองไทยและอาเซียนกว่า 500 องค์กร เราเชื่อมั่นว่าผู้นำและบุคลากรในประเทศไทยและอาเซียนมีความสามารถและศักยภาพที่ซ่อนอยู่ แต่อาจจะยังไม่สามารถนำออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งโปรแกรมต่างๆ ของ SEAC จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ผู้นำสามารถดึงศักยภาพในด้านต่างๆ ของตนออกมาบริหารองค์กร และเมื่อองค์กรเกิดความก้าวหน้า เศรษฐกิจจะเกิดการฟื้นตัว ควบคู่ไปกับสังคมและประเทศที่พัฒนา อันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของ SEAC โดยแต่ละโปรแกรมของ SEAC มีส่วนช่วยยกระดับขีดความสามารถ และให้แนวทางการเป็นผู้นำที่มีศักยภาพ กล้าที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตนเองและองค์กรเพื่อที่จะก้าวล้ำนำหน้าคู่แข่งและประสบความสำเร็จท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลก” นางอริญญากล่าว
ในปี 2561 มูลค่าธุรกิจด้านการพัฒนาองค์กรและทรัพยากรมนุษย์ในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 2,200 ล้านบาท โดย SEAC เป็นหนึ่งในผู้นำที่ครอบครองส่วนแบ่งรวม 18% และในฐานะศูนย์ผู้นำด้านการพัฒนาบุคลากร ที่เปรียบเสมือนจุดหมายปลายทางสำหรับผู้นำองค์กร ที่ต้องการเรียนรู้และยกระดับศักยภาพตนเอง ทำให้ SEAC สามารถสร้างแรงผลักดันอย่างแข็งแกร่งที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาเรียนรู้จากการรวมตัวของผู้นำทั่วอาเซียน และทำรายได้เข้าสู่ประเทศและธุรกิจข้างเคียง อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักในการใช้บริการของผู้นำองค์กรต่างๆ เมื่อมาเยือนประเทศไทย
“นอกจากนี้ อีกหนึ่งรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรต่างๆ ในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงใบนี้ คือ ‘นวัตกรรม’ โดยนอกจาก SEAC จะมุ่งมั่นในการเป็นศูนย์พัฒนาภาวะการเป็นผู้นำ เรายังเน้น บ่มเพาะ ‘ผู้นำที่สามารถสร้างนวัตกรรมได้อย่างยั่งยืน’ และ ผู้นำที่สามารถสอนให้บุคลากรในองค์กรเกิดความตื่นตัวในการสร้างนวัตกรรมได้ด้วยตนเองอีกด้วย” นางอริญญากล่าวเสริม
ตัวอย่าง 2 โปรแกรมเด่นของ SEAC ที่ได้ร่วมมือกับ Stanford Center for Professional Development (SCPD) ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลกด้านนวัตกรรมธุรกิจ ได้แก่ “Leading in a Disruptive World” (LDW) หรือโปรแกรมเจาะลึกด้านนวัตกรรมและการดำเนินธุรกิจในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง และ “Leading Innovation with DESIGN THINKING” (DESIGN THINKING) หรือโปรแกรมพัฒนานวัตกรรมล้ำสมัยด้วยการคิดเชิงแก้ปัญหา โดยทั้ง 2 โปรแกรมได้รับการนำมาปฏิบัติใช้จริงและได้รับการยอมรับในหมู่ผู้นำและผู้บริหารองค์กรว่าช่วยรังสรรค์ความเปลี่ยนแปลงที่สร้างสรรค์และนำพาซึ่งความสำเร็จให้กับองค์กร
กลุ่มธุรกิจชั้นนำในเมืองไทยที่ SEAC ได้รับความไว้วางใจในการเข้ามาพัฒนาจนประสบความสำเร็จไปแล้วมากกว่า 200 ราย อาทิ เครือเจริญโภคภัณฑ์, บมจ. ธนาคารกสิกรไทย, บมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์, บมจ. ธนาคารกรุงไทย, บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย, บมจ. เอพี (ไทยแลนด์), บมจ. เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป, บมจ. สมิติเวช, บจ. ฟู้ดแพชชั่น และอื่นๆ
“คำตอบของการพัฒนาองค์กรให้ยืนหยัดอย่างสง่างามในโลกของความเปลี่ยนแปลง คือ การทำให้การเปลี่ยนแปลงนั้นกลายเป็นโอกาสและใช้ประโยชน์จากโอกาสนั้นให้คุ้มค่าที่สุด ผู้นำที่พร้อมเปลี่ยนและมีความสามารถในการปรับตัวเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จและเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด เป็นที่ทราบกันดีว่าในแวดวงการศึกษา มีทฤษฎีมากมายสอนเรื่องการเป็นผู้นำ แต่การศึกษาเพื่อการเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้นำที่เท่าทันโลก คือ สิ่งที่ทำให้องค์กรอยู่รอด และยังไม่มีหนังสือและทฤษฎีเรื่องไหนสอนสิ่งเหล่านี้ได้แม่นยำและครอบคลุมอย่าง SEAC และด้วยศักยภาพและประสบการณ์ที่สั่งสมในการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาองค์กรและทรัพยากรมนุษย์มาอย่างยาวนานของ SEAC ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า SEAC จะสามารถเป็นหัวเรือใหญ่ที่นำพาองค์กรโลดแล่นอย่างสง่างามและมั่นคงตลอดไป ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ” นางอริญญากล่าวสรุป
SEAC คือ ศูนย์พัฒนาผู้นำและผู้บริหารระดับสูงที่ใหญ่ที่สุดแห่งแรกของอาเซียน ประกอบด้วยทีมงานที่ปรึกษา ผู้อบรม และผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพองค์กรและทรัพยากรมนุษย์มากกว่า 50 ท่าน ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจและแนวความคิดทางด้านธุรกิจใหม่ๆ ที่พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้และทักษะต่างๆ ให้แก่ผู้บริหารยุคใหม่ที่ต้องการสร้างความแตกต่างให้กับตนเองและองค์กร
SEAC ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ บนพื้นที่ใหญ่กว่า 4,550 ตารางเมตร 3 ชั้น ของอาคาร FYI Center (ซึ่งออกแบบมาให้เป็นอาคารประหยัดพลังงานตามมาตรฐาน LEED หรือ Leadership in Energy and Environmental Design) บนสี่แยกถนนพระราม 4 ตัดกับถนนรัชดาภิเษก จัดสรรพื้นที่ให้เป็นห้องเรียนรู้อย่างครบวงจร พื้นที่สำหรับทำงานร่วมกันของผู้นำองค์กรต่างๆ และพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมหลากหลายขนาด โดยห้องจัดกิจกรรมที่ใหญ่ที่สุดนั้นสามารถรองรับได้มากถึง 180 คน
SEAC แบ่งโครงสร้างธุรกิจหลักเป็น 4 ประการ ได้แก่ 1. การพัฒนาผู้นำและผู้บริหารระดับสูง เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้นำในการขับเคลื่อนองค์กรให้ประสบความสำเร็จผ่านโปรแกรมการเรียนการสอนต่างๆ โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยชี้แนวทางและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด 2. การทำวิจัยทางวิชาการ เพื่อเป็นกลไกในการขยายผลความรู้จากการวิจัยในโจทย์ปัญหาของหลากหลายธุรกิจทั่วโลก ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดหลักการคิดต่างๆ และเป็นประโยชน์สำหรับทุกภาคส่วน และ 3. การให้บริการที่ปรึกษา เพื่อนำเสนอแนวทางพัฒนา และแก้ปัญหาประเด็นธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะของแต่ละองค์กร 4. การเปิดพื้นที่เพื่อการเรียนรู้และพัฒนา สำหรับให้บุคคลและองค์กรภายนอกได้มีโอกาสมาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้โดยใช้ศูนย์ SEAC เป็นจุดเชื่อมต่อในการทำงาน การประชุมอบรม สัมมนา และจัดกิจกรรมต่างๆ ออกแบบพื้นที่ให้เป็นห้องเรียนรู้อย่างครบวงจร คำนึงถึงการจัดเตรียมพื้นที่สำหรับการทำงานเป็นกลุ่มและเดี่ยว ผสานกับนวัตกรรมการออกแบบและเทคโนโลยีในการดีไซน์พื้นที่อย่างล้ำสมัย พร้อมรองรับด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย สู่การสร้างสรรค์ต่อยอดไอเดียในการเรียนรู้และการทำงานได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
SEAC เปลี่ยนชื่อองค์กรมาจาก บริษัท เอพีเอ็ม กรุ๊ป จำกัด (APMGroup) บริษัทที่ปรึกษาด้านการพัฒนาองค์กรและบุคลากรที่ดำเนินการมากว่า 25 ปี (ก่อตั้งขึ้นเมื่อพ.ศ. 2535) เพื่อมุ่งขยายขอบเขตวิสัยทัศน์ และต่อยอดเจตนารมณ์กว้างไกล ในการทำภารกิจเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้นำองค์กรและทรัพยากรมนุษย์ ไม่เพียงแค่ภายในประเทศไทยแต่ครอบคลุมไปในระดับประชาคมอาเซียน
‘ที่ SEAC เราสร้างผู้นำให้เติบโตเพื่อเปลี่ยนเกมส์ธุรกิจ และเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของอาเซียนและโลกในอนาคต’