“เอสซีจี ซิเมนต์” ก้าวไปอีกขั้นกับนวัตกรรม “3D Cement Printing Extrusion”
สร้างสรรค์ชิ้นงานด้วยปูนซีเมนต์พิมพ์แบบ 3 มิติ ครบวงจร
เจาะกลุ่มผู้รับเหมา วิศวกร ผู้ประกอบการอสังหาฯ และสถาปนิกรุ่นใหม่ รายแรกในไทย
เอสซีจี ซิเมนต์ ตอบรับความต้องการของผู้รับเหมา วิศวกร ผู้ประกอบการอสังหาฯ และสถาปนิกรุ่นใหม่ ด้วยนวัตกรรม “3D Cement Extrusion Printing” ที่สามารถสร้างสรรค์ชิ้นงานด้วยการใช้ปูนซีเมนต์พิมพ์ 3 มิติ เพื่อเป็นส่วนประกอบโครงสร้าง ผนัง วัสดุตกแต่งอาคารบ้านเรือน ชิ้นงานเฟอร์นิเจอร์ พร้อมให้บริการครบวงจรรายแรกในไทย โดยตั้งเป้ายอดขาย 100 ล้านบาท
นายสยามรัฐ สุทธานุกูล Chief Marketing Officer-Cement and Construction Solution Business ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี เปิดเผยว่า บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ จำกัด ในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี เล็งเห็นความต้องการของตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้รับเหมาวิศวกร เจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ และสถาปนิกรุ่นใหม่ ที่ต้องการชิ้นงานที่มีเอกลักษณ์ สวยงาม และโดดเด่น จึงได้นำนวัตกรรม “3D Cement Extrusion Printing” ใช้ในการผลิตชิ้นงาน 3D printing ที่ใช้ปูนซีเมนต์เป็นวัสดุหลักเรียกว่า “3D Cement Extrusion Printing Mortar” เป็นการขึ้นรูปด้วยปูนซีเมนต์สูตรพิเศษ (Mortar Ink) ที่กลุ่มงานวิจัย Mortar Technology หน่วยงาน Research and Innovation Center ในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจีเป็นผู้พัฒนาสูตร โดยมีด้วยกัน 4 สูตร มีกำลังอัดตั้งแต่ 550 350 250 ksc และสูตร Lightweight โดยสูตรนี้จะมีน้ำหนักเบากว่าประเภทอื่นถึง 30% ขึ้นรูปด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติด้วยระบบคอมพิวเตอร์ สามารถสร้างสรรค์ชิ้นงาน เพื่อเป็นส่วนประกอบโครงสร้าง ผนัง วัสดุตกแต่งอาคารบ้านเรือน ชิ้นงานเฟอร์นิเจอร์ ได้อย่างอิสระ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีการควบคุมคุณภาพระหว่างการผลิตเที่ยงตรงแม่นยำ ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีฝีมือ และได้ชิ้นงานที่มีคุณภาพควบคู่กับระยะเวลาการผลิตเพียงไม่กี่ชั่วโมง ต่อชิ้น อีกทั้งยังสามารถต่อยอดสร้างสรรค์เป็นสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ได้มากมาย ตั้งแต่ขนาดเล็กกลางใหญ่ไปจนถึงการสร้างบ้านพักอาศัยที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้จริง
เอสซีจี ซิเมนต์เริ่มต้นจากการพัฒนาปูนซีเมนต์ ผ่านการขายสินค้าประเภทปูนมอร์ตาร์ (3D Cement Extrusion Printing Mortar) ควบคู่ไปกับเครื่องจักร D-shape ซึ่งเป็นเครื่องจักรที่สามารถขึ้นรูปด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติขนาดใหญ่ของโลก เป็นเทคโนโลยีที่สามารถปริ้นท์ได้ในขนาด 12 x 10 x 10 ม. นอกจากนี้ เอสซีจี ซิเมนต์ยังได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนไอเดียกับคุณเอ็นริโค ดินี (Enrico Dini) วิศวกรชาวอิตาลี ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงระดับโลกทางด้านเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาขีดความสามารถของเครื่องพิมพ์กับ ปูนมอร์ตาร์ ให้เป็นโซลูชั่น (3D Cement Extrusion Printing Solution) ที่ขยายตลาดได้ทั้งในวงการออกแบบและก่อสร้างอีกด้วย “บริการ 3D Cement Extrusion Printing Solution เป็นการให้คำปรึกษา ออกแบบ พร้อมทั้งติดตั้งชิ้นงานในงานสถาปัตยกรรมและงานก่อสร้าง ซึ่งเอสซีจี ซิเมนต์ นับเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์สูตรพิเศษสำหรับงาน 3D Printing แล้วยังให้บริการโซลูชั่น 3D Cement Extrusion Printing อย่างครบวงจรเป็นรายแรกในไทย ” นายสยามรัฐ กล่าว
บริการ 3D Cement Extrusion Printing Solution ของเอสซีจี จะเริ่มจากความต้องการของลูกค้าร่วมกับการออกแบบ Co-Create โดยสถาปนิกของเอสซีจี แล้ววิศวกรผู้เชี่ยวชาญจะทำการวิเคราะห์รูปร่างของชิ้นงานเพื่อปรับแก้แบบหรือทำการเสริมกำลังอัดให้เป็นไปตามหลักวิศวกรรม ที่คำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้งานหลัก ก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตชิ้นงาน 3D Cement Extrusion Printing Solution โดยใช้เครื่องพิมพ์ที่ทันสมัยและควบคุมการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ 3 มิติ ทำให้มีความแม่นยำในการขึ้นลวดลายต่าง ๆ และได้พื้นผิว ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งงานโครงสร้างที่ต้องเสริมเหล็ก เช่น ผนัง หรืออาคารขนาดเล็ก รวมไปถึงงานโครงสร้างที่ไม่ต้องรับกำลังอัด เช่น การขึ้นรูปชิ้นงานขนาดเล็ก เฟอร์นิเจอร์ งานตกแต่ง เช่น เก้าอี้ โต๊ะทำงาน กระถางต้นไม้ พร้อมบริการติดตั้งที่ครอบคลุมในพื้นที่หลักของประเทศไทย
นายสยามรัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เอสซีจี ซิเมนต์ จะบุกตลาดบริการ 3D Cement Extrusion Printing ผ่านช่องทางการทำตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะมีรายได้ อยู่ประมาณ 100 ล้านบาท ในปี 2562 เนื่องจากผู้ให้บริการในตลาดส่วนใหญ่จะเป็นผู้ให้บริการเฉพาะเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ยังไม่มีผู้ให้บริการ 3D Cement Extrusion Printing Solution ครบวงจรแบบ เอสซีจี ซีเมนต์