แสนสิริลุ้นกำไรปี 66 โตกระฉูด 40 – 50%
แรงหนุนจากกำไรไตรมาสแรกพุ่งสูงสุดในกลุ่มธุรกิจและแนวโน้มเติบโตต่อ
ระบุครึ่งปีหลังเตรียมโอนทะลักโครงการระดับลักซ์ชัวรี มาร์จินสูง
- แสนสิริ (SIRI) ลุ้นกำไรสุทธิปี 2566 เติบโตระดับ 40 – 50% แรงหนุนจากกำไรไตรมาสแรกเติบโตสูงสุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และยังมีแนวโน้มโตต่อเนื่อง
- ระบุมียอดโอนต่อเนื่องจากโครงการระดับลักซ์ชัวรีที่มีมาร์จิ้นสูง ที่ได้รับการตอบรับที่ดีในปีที่ผ่านมา อาทิ นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา และไลฟ์สไตล์คอนโดมิเนียม XT พญาไท รวมถึงโครงการใหม่ที่เตรียมโอนในปีนี้ ได้แก่ นาราสิริ พหล – วัชรพล, บูก้าน 3 โครงการใหม่ ที่เตรียมเปิดตัวพร้อมโอนในไตรมาส 4 รวมทั้งยอดโอนจากบ้านเดี่ยวแบรนด์เศรษฐสิริ 10 โครงการใหม่
- พร้อมเริ่มโอนคอนโดมิเนียมอีก 5 โครงการสร้างเสร็จปีนี้ ได้แก่ เดอะมูฟ บางนา, เดอะมูฟ บางแค ดีคอนโด พนา และเฮย์ หัวหิน ขณะที่ “NIA by Sansiri” (เนีย บาย แสนสิริ) มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท ที่เตรียมเปิดตัว พร้อมขาย – พร้อมโอน ก.ย นี้! จะช่วยเสริมยอดโอนและกำไรพุ่ง
- ผนึกกำไรพิเศษจากการขายกิจการโรงเรียน พร้อมลุ้นกำไรพิเศษจากการทำโครงการรูปแบบ Joint Venture ในไตรมาสที่เหลือ ขณะที่ยอดขายล่าสุดพุ่งสู่ระดับ 17,000 ล้านบาท
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ากำไรในปีนี้จะเติบโตทะลุ 40 – 50% ตามแผนธุรกิจที่วางไว้ เนื่องจากยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในไตรมาส 1/66 และในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.66 รวมทั้งบริษัทยังมียอดโอนต่อเนื่องจากโครงการในระดับลักซ์ชัวรีที่มีมาร์จิ้นสูงและได้รับการตอบรับที่ดีในปีที่ผ่านมา ตอกย้ำผู้นำตัวจริงในตลาดลักซ์ชัวรีไทย จากความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริ ทั้งคุณภาพโครงการ รวมถึงความเข้าใจในตัวตนและรสนิยมการอยู่อาศัยที่แท้จริง
“แนวโน้มอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการบันทึกรายได้จากการขายที่สูงขึ้นจากโครงการระดับลักซ์ชัวรีที่มีการโอนต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา อาทิ นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท, คอนโดมิเนียม XT พญาไท มูลค่าโครงการ 9,860 ล้านบาท รวมถึงจะมีการบันทึกรายได้จากโครงการใหม่ในระดับลักซ์ชัวรี ที่เตรียมเปิดตัวพร้อมโอนในปีนี้ ได้แก่ นาราสิริ พหล – วัชรพล, บูก้าน 3 โครงการใหม่ ได้แก่ บูก้าน กรุงเทพกรีฑา, บูก้าน พัฒนาการ และบูก้าน เหม่งจ๋าย ที่เตรียมพัฒนาเป็นโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนในไตรมาส 4 รวมทั้งยอดโอนจากบ้านเดี่ยวแบรนด์เศรษฐสิริ 10 โครงการใหม่อีกด้วย” นายอุทัย กล่าว
นอกจากนี้ แสนสิริยังประสบความสำเร็จในกลุ่มแบรนด์คอนโดราคาเข้าถึงง่ายจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ อาทิ เดอะมูฟ บางนา, เดอะมูฟ บางแค, ดีคอนโด พนา และเฮย์ หัวหิน ขณะที่ “NIA by Sansiri” (เนีย บาย แสนสิริ) มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท คอนโดมิเนียมจากซีรี่ย์ One of a Kind Project ที่รวบรวมแบรนด์ที่มีเพียงหนึ่งเดียวและโดดเด่นด้านโลเคชั่น สะท้อนชัดตามคอนเซ็ปต์ของโครงการ ‘One step closer แค่ใกล้…ก็ได้เปรียบ ใกล้ทุกที่ ชีวิตก็เลยดีทุกด้าน ที่เตรียมเปิดตัวพร้อมขาย พร้อมโอน ในเดือนกันยายนนี้ จะช่วยเสริมยอดโอนและกำไรให้สูงขึ้นด้วย ซึ่งเมื่อรวมกับแผนรุกธุรกิจในการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ความต้องการ และแรงหนุนจากการขายกิจการโรงเรียนสาธิตพัฒนา ที่รับรู้กำไรพิเศษ (หลังภาษี) ในไตรมาสที่ผ่านมาอีกประมาณ 400 – 500 ล้านบาท พร้อมลุ้นกำไรพิเศษจากการทำโครงการรูปแบบ Joint Venture ในไตรมาสที่เหลือ ทำให้คาดว่าจะผลักดันกำไรสุทธิปี 2566 ของแสนสิริให้ทำ New High ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
“อัตราการเติบโตของธุรกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากการประสบความสำเร็จด้านการขายจากการตอบรับในแบรนด์ที่อยู่อาศัยของแสนสิริที่ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้า การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ในระดับไม่เกิน 18-19% รวมถึงการบริหารงานก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพให้กับลูกค้า ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมีประสิทธิภาพในการทำกำไรและสร้างรายรับให้มีศักยภาพสูงยิ่งขึ้นด้วย โดยแสนสิริมียอดขายล่าสุดในรอบ 5 เดือนอยู่ที่ 17,000 ล้านบาท ซึ่งจะดันสู่กำไรสุทธิปี 2566 ให้เติบโตไปถึงระดับ 40 – 50%” นายอุทัย กล่าวปิดท้าย