‘โกลเด้นแลนด์’ผนึกเฟรเซอร์สฯ
ต่อยอดธุรกิจก้าวสู่ท็อฟไฟว์อสังหา
โกลเด้นแลนด์ กับโอกาสในการทำโครงการเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ในไทย หลังเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในโกลเด้นแลนด์ตั้งแต่ปี 2559 ก้าวแรกของความร่วมมือ การนำโนฮาว เทคโนโลยี และความชำนาญในการพัฒนา ต้นแบบความสำเร็จนวัตกรรมการใช้พื้นที่ในสิงคโปร์ เข้ามาปรับใช้ต่อยอดแผนการพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ของโกลเด้นแลนด์ มีอยู่หลายโครงการ สามย่านมิตรทาวน์ เพื่อเพิ่มศักยภาพสู่การเติบโตเป็นบทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ 5 อันดับแรกของประเทศ
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โกลเด้นแลนด์” (มีผู้ถือหุ้นจากเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ จากสิงคโปร์ เข้าถือหุ้น )กล่าวว่า ในปีนี้ ทางบริษัทตั้งเป้าให้เป็นปีแห่งการเพิ่มมูลค่า Adding Value) โดยได้ผสานองค์ความรู้ เทคโนโนโลยี และความชำนาญในการพัฒนาการลงทุน และการบริหารโครงการตั้งแต่ที่อยู่อาศัย พื้นที่ค้าปลีก(รีเทล) พื้นที่เชิงพาณิชย์ พื้นที่เชิงอุตสาหกรรม และโลจิสติกส์ในสิงคโปร์ ออสเตรเลีย ยุโรป จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงธุรกิจฮอสปิทัลลิตี้ ซึ่งประกอบด้วยโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์มากกว่า 80 เมือง ทั่วทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
จากเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เข้ากับความชำนาญในการพัฒนาและบริหารอสังหาฯของประเทศไทยจากโกลเด้นแลนด์มากยิ่งขึ้น ภายใต้ความร่วมมือ “โกลเด้นแลนด์-เฟรเซอร์ส ซินเนอร์จี้” เพื่อเพิ่มศักยภาพสู่การเติบโตของบริษัทอสังหาฯชั้นนำ 5 อันดับแรกของประเทศ
” ในระดับนานาชาติ ให้การยอมรับการพัฒนเมือง และการพัฒนาอสังหาฯของประเทศสิงคโปร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการเชิงพาณิชย์ใจกลางเมือง เนื่องจากราคาที่ดินที่สูงมาก ทำให้ต้องใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าที่สุด จึงเกิดเป็นนวัตกรรมการใช้พื้นที่ที่น่าสนใจ และสามารถนำปรับใช้กับการพัฒนาโครงการกรุงเทพฯ ที่มีราคาที่ดินขึ้นเฉลี่ยปีละ 10-15 % รวมทั้งอสังหาฯ เช่น ที่พักอาศัยและอาคารสำนักงานเกรดเอ เป็น ที่ชื่นชอยสำหรับนักลงทุนสิงคโปร์ และนิยมลงทุนผ่านการซื้อหน่วยลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาฯ(REIT) มาประยุกต์เข้ากับรูปแบบชองไทย จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแ กร่งของโกลเด้นแลนด์”ธนพลกล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ตนยังมองว่าการพัฒนาโครงการผสมผสาน หรือ มิกซ์ยูสในประเทศไทยยังเกิดขึ้น เนื่องจากจุดตัดรถไฟฟ้าต่างๆและมีสายใหม่ๆเกิดขึ้น ในอนาคตจะสามารถพัฒนาเป็นชุมชนเมืองเกิดขึ้นได้ ซึ่งเหมาะต่อการพัฒนาโครงการรูปแบบมิกซ์ยูส อย่างเช่น บางใหญ่ มีศักยภาพ เนื่องจากมีค้าปลีกขนาดใหญ่และบริษัทเฟอร์นิเจอร์ข้ามชาติอย่าง อีเกีย ได้ลงทุนโครงการใหญ่
สำหรับปีนี้ บริษัทได้กำหนดเป้าหมายรายได้รวม 17,800 ล้านบาท แยกเป็นรายได้จากการขายอสังหาฯ ประมาณ 16,100 ล้านบาท โดยมีเป้ายอดขาย 26,600ล้านบาท ผ่านโครงการที่เปิดขายรวม 79 โครงการแบ่งเป็นโครงการที่เปิดขายเดิมจำนวน 45 โครงการ และโครงการเปิดขายใหม่ 34 โครงการ มูลค่า 39,600 ล้านบาท และบริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการสามย่านมิตรทาวน์ โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่บนถนนพระราม 4 งานก่อสร้างจะคืนหน้าไปแล้วกว่า 60%
นาย Wong Chee Hwa ผู้จัดการทั่วไป โครงการ วอเตอร์เวย์พอยท์ ( Waterway Point) กล่าวกับสื่อมวลชนที่มาเยี่ยมชมโครงการ ที่ประเทศสิงคโปร์ โครงการมิกซ์ยูสในสิงคโปร์ มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20 ปี เนื่องจากด้วยข้อจำกัดของที่ดิน การทำโครงการต้องมุ่งในเชิงความคุ้มค่า ทั้งนี้ โครงการWaterway Point เปิดมาได้ 2 ปี มีผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมโครงการถึง 25 ล้านคน
โครงการติดกับรถไฟฟ้าสถานี Punggol MRT/LRT Station และแวดล้อมไปด้วยโครงการที่อยู่อาศัยของเอกชนและโครงการของการเคหะสิงคโปร์ ที่รัฐบาลดำเนินก่อสร้างและปล่อยเช่าให้กับประชาชน ซึ่งเริ่มต้นโครงการในปี 2553 มูลค่าในการก่อสร้างประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ผ่านมา 8-9 ปี มูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นแล้ว 1,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ จากนวัตกรรมการบริหารการใช้พื้นที่
และอีก 1 โครงการขนาดใหญ่ที่กำลังการก่อสร้างอยู่คือ “FRASERSV TOWER” สูง 38 ชั้น พื้นที่อาคารรวม 77,162 ตร.ม. ประกอบด้วยอาคารสำนักงานเกรดเอ พื้นที่รีเทล และที่อยู่อาศัย ตั้งอยู่บนถนน Cecil Street ที่มีทางเดินเชื่อมสถานีรถไฟฟ้า Tanjong Pagar MRT Station
“เราไม่มองเรื่องการเป็นเบอร์ไหนของตลาด แต่เราพยายามพัฒนาสิ่งที่ดี ที่ยังไม่มีในตลาด จากสิ่งที่คนอื่นไม่มี สิ่งที่แตกต่างของเฟรเซอร์สฯ เน้นให้ผู้เช่ามีประสบการที่ดี เช่น ห้องอาบน้ำ อยู่ชั้นล่างสำหรับผู้เช่าขี่จักรยานมาทำงาน แต่ของอาคารอื่นต้องนำรถจักรยานขึ้นไปจอดที่ชั้นของตัวเอง นอกจากนี้ ยังมีโซนกิจกรรมให้ผู้เช่ามาจัดกิจกรรมสันทนาการแบบส่วนตัว