ESTAR ปลื้มกำไรสุทธิปี 63 สูงถึง 240 ลบ.
ปีฉลูลุยทำรายได้ต่อเนื่องเปิด 2-3 โครงการ
ESTAR เป็นปลื้มผลประกอบการปี 2563 รายได้ 2,663 ล้านบาท กำไรสุทธิ 240 ล้านบาท
ปีฉลูเตรียมพร้อมลุยทำรายได้ต่อเนื่องสร้างความแข็งแกร่ง เล็งเปิดตัวโครงการใหม่ 2-3 โครงการ มูลค่าราว 4 พันล้านบาท
ดร.ต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ในการสร้างรายได้ทั้งทางด้านการขายและการตลาดผ่านช่องทางสื่อออนไลน์เต็มรูปแบบ ด้วยระบบขายแบบ Online ตลอด 24 ชั่วโมง โดยลูกค้าสามารถชมห้องตัวอย่างในรูปแบบเสมือนจริง 360 องศา ควบคู่ไปกับการรับรู้รายได้จากโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และลุยพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในแนวราบทั้งกรุงเทพฯ และระยอง เพื่อสร้างฐานรายได้ให้แข็งแกร่ง ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้มีการขายที่ดินที่ยังไม่มีแผนพัฒนาบางส่วนออกไป ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในปี 2563 มียอดขายรวมประมาณ 2,000 ล้านบาท และมียอดรายได้ที่ 2,663 ล้านบาท ด้วยกำไรสุทธิ 240 ล้านบาท
ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 3 โครงการ มูลค่าราว 2,300 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 1 โครงการ ได้แก่โครงการ ควินทารา ภูม สุขุมวิท 39 ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลย่านพร้อมพงษ์ ในระดับราคา 3-7 ล้านบาท และอีก 2 โครงการแนวราบในเขตพื้นที่อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ได้แก่ โครงการบรีซ แอท อีสเทอร์น สตาร์ ฟอเรสโต้ ระดับราคา 3 ล้านบาท และโครงการแกรนด์เวลาน่า ระดับราคา 8-10 ล้านบาทซึ่งเป็นที่อยู่อาศับระดับ Hi-end ที่สุดในพื้นที่อำเภอบ้านฉาง โดยได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี
สำหรับปี 2564 บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 2-3 โครงการ แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 2 โครงการ ตามแนวรถไฟฟ้าสายหลักและขยายฐานโครงการแนวราบที่อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง อีกจำนวน 1 โครงการ รวมมูลค่าราว 4,000 ล้านบาท โดยได้ตั้งเป้ายอดขายประมาณ 1,200 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ราว 1,500 ล้านบาท อย่างไรก็ดี บริษัทยังมียอดขายที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) อีกจำนวนกว่า 2,000 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ของปีนี้และปีต่อไป
ดร.ต่อศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากการที่บริษัทฯ ขยายธุรกิจในแนวราบทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และบ้านฉางตลอด 3-4 ปี ที่ผ่านมา ประกอบกับการที่รัฐมีโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก ทำให้อำเภอบ้านฉางจังหวัดระยองกลายเป็นทำเลที่มีศักยภาพและความพร้อมด้านสาธารณูปโภค ส่งเสริมการเจริญเติบโตทั้งด้านเศรษฐกิจ การลงทุนจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ จึงส่งผลให้บริษัทมีพื้นฐานทางธุรกิจที่หลากหลายและแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นในปี 2564 นี้ บริษัทฯ จะยังคงกลยุทธ์พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบในทุกระดับราคา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกเซ็กเมนต์ และจะขยายให้บริการด้านอื่นๆ อย่างครบวงจรให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ สปอร์ตคลับ และบริการหลังการขาย สำหรับลูกค้าฝากขาย-เช่า
สำหรับสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ภายใต้การระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ปัจจุบันประเทศไทยกำลังทยอยฉีดวัคซีน และสามารถควบคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่เพิ่มสูงขึ้นไปจากนี้ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เชื่อว่าเศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง แต่คาดว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี ในการที่เศรษฐกิจจะกลับมาดีเหมือนเดิม ทั้งนี้จากการที่ผู้ประกอบการต่างออกแคมเปญมาช่วยลูกค้าให้ซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น และปรับรูปแบบที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ประกอบกับสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ที่อยู่อาศัยมีราคาถูกลง นับว่าเป็นโอกาสดีของผู้บริโภคที่จะได้บ้านที่ดีเพื่ออยู่อาศัยในขณะนี้ ดร.ต่อศักดิ์ กล่าว