TOA โชว์ยอดขายไตรมาส 2/65 ทะลุ 5,201 ล้านบาท เติบโต 16%
ควักปันผล 0.25 บาท/หุ้น
บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ผู้นำสีทาอาคารและวัสดุก่อสร้างครบวงจรแบบ Total Solution โชว์ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 และครึ่งปีแรก ประจำปี 2565 หลังกวาดรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยว่า ในช่วงไตรมาส 2/65 บริษัทฯ มียอดขาย 5,201 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 16% (เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) ส่งผลให้ยอดขายในงวดครึ่งปีแรกอยู่ที่ 10,166 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 14% จากยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นของการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีทาอาคารและเคมีภัณฑ์ก่อสร้างทั้งในละต่างประเทศ เสริมด้วยการเติบโตของยอดขายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มยิปซั่มบอร์ด
อย่างไรก็ตาม ราคาวัตถุดิบในช่วงไตรมาส 2 ที่ได้ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ผนวกกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลให้ราคาพลังงานสูงขึ้น ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นตั้นของบริษัทฯ ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้กำไรจากธุรกิจหลัก สำหรับไตรมาส 2 เป็นเงิน 473 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อน 13% ในขณะที่กำไรจากธุรกิจหลัก สำหรับครึ่งปีแรกเป็นเงิน 920 ล้านบาท ลดลง 21% อย่างไรก็ตามเมื่อรวมการบันทึกมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ทางการเงิน และกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรสุทธิในไตรมาส 2 อยู่ที่ 368 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อน 32% และกำไรสุทธิสำหรับงวดครึ่งปีแรก เป็นเงิน 778 ล้านบาท ลดลง 36%
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ปรับราคาขายสินค้าเป็นครั้งที่ 3 ในช่วงไตรมาส 2 เพื่อให้สอดคล้องกับราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับแนวโน้มราคาพลังงานที่ชะลอความร้อนแรงลง และค่าเงินบาทที่กลับแข็งค่าขึ้นจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของกำไรขั้นต้นในไตรมาส 3
ในขณะที่บริษัทฯ มีกำไรต่อหุ้นสำหรับงวดครึ่งปีแรก 0.38 บาทต่อหุ้น ลดลงจากงวดครึ่งแรกของปีก่อนซึ่งมีกำไรต่อหุ้น 0.60 บาท/หุ้น และได้มีการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีแรก จำนวน 0.25 บาท/หุ้น เท่ากับงวดเดียวกันของปีก่อน
“บริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการแบบ Total Solution และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างสูงสุด เพื่อสร้างสรรค์ความสวยงามให้กับที่อยู่อาศัยและโลกใบนี้ด้วยผลิตภัณฑ์ ที่คุ้มค่า ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อันเป็นหัวใจหลักของการดำเนินธุรกิจ ที่ยังคงทำให้ทีโอเอ เป็นแบรนด์ ยอดนิยมอันดับ 1 ที่ลูกค้าเชื่อมั่น ไว้วางใจและเลือกใช้มาโดยตลอด นอกจากนี้ เรายังมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรรมที่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน สามารถลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย รวมถึงการสร้างกระบวนการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความสามารถในแข่งขัน สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จนทำให้เราก้าวผ่านความท้าทาย ในการดำเนินธุรกิจมาตลอดระยะเวลาเกือบ 60 ปี ของทีโอเอ” นายจตุภัทร์ กล่าวทิ้งท้าย