การตอบสนองต่อสถานการณ์ Covid 19
เป็นเวลากว่าสามอาทิตย์แล้วที่วิกฤตการณ์ Covid 19 ทวีความรุนแรงมากขึ้น ประชากรโลกกว่าครึ่งกำลังอยู่ภายใต้คำสั่งกักตัว และ/หรือ การล็อคดาวน์ เป็นผลทำให้การเดินทาง การรับประทานอาหารนอกบ้าน ความบันเทิงต่างๆ ต้องหยุดนิ่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่ออุตสาหกรรมของเรา ในวันนี้โรงแรมในเครือ Accor (แอคคอร์) ทั่วโลก กว่าครึ่งถูกปิดให้บริการ และดูเหมือนกว่าสองในสามของโรงแรมที่เหลือมีแนวโน้มจะตามมาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้ หากแต่ยังพอมีข่าวดีเล็กๆ ที่ยืนยันถึงการฟื้นตัวในระยะเบื้องต้นของตลาดโรงแรมในประเทศจีนจากยอดการจองห้องพักและกิจกรรมการกินดื่มที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น
ผลกระทบอย่างฉับพลันจากสถานการณ์ในครั้งนี้ส่งผลให้ Accor จำเป็นต้องดำเนินการปฏิบัติการอย่างฉับไวและเข้มข้นในทุกภาคส่วนเพื่อจำกัดผลกระทบทางด้านรายได้และการเงิน รวมถึงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฟื้นฟูหลังวิกฤติ ในช่วงเวลาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นนี้ กลุ่มบริษัท จะยังคงคอยยืนเคียงข้างพนักงาน พาร์ทเนอร์ และชุมชน โดยให้การสนับสนุนด้านเวลา ทรัพยากรและการเข้าถึงเครือข่ายท้องถิ่นและทั่วโลก
มาตรการบรรเทาผลกระทบ
มาตรการมีผลตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น Accor ได้ตัดสินใจดำเนินการเชิงรุก ดังนี้:
- ห้ามการเดินทาง ระงับการจ้างงานชั่วคราว ลดชั่วโมงการทำงาน และ /หรือ การพักงานสำหรับ 75% ของทีมงานในสำนักงานใหญ่ ในไตรมาสสอง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการบริหารและทั่วไป (G&A) ลดลงอย่างน้อย 60 ล้านยูโร ในปี 2563
- ทบทวนแผนการลงทุนประจำปี 2563 ส่งผลให้รายจ่ายเพื่อการลงทุนขยายธุรกิจ (Capital Expenditure) ลดลงอย่างน้อย 60 ล้านยูโร
นอกจากนี้ทางกลุ่มยังได้ดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (เช่น การขาย การตลาด ไอที) เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้ทั้งระบบที่ลดลง
งบดุล
การปฏิรูปธุรกิจแบบ Asset-light และกลยุทธ์การรักษาเงินสดที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ ทำให้ Accor ยังคงมีงบดุลที่แข็งแรง ด้วยเงินสดมากกว่า 2.5 พันล้านยูโรและวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน 1.2 พันล้านยูโร ทางกลุ่มคาดว่า ผลการดำเนินงานในปี 2563 จะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากความไม่แน่นอนที่ยังคงเกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์นี้ แต่ยังคงมีความเชื่อมั่นต่ออุตสาหกรรมโรงแรมในระยะยาวสำหรับ Accor พนักงาน เจ้าของ และผู้ถือหุ้น
มาตรการเงินปันผลและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
คณะกรรมการของ Accor ได้ตัดสินใจที่จะส่งเสริมการดำเนินการจัดการตามที่ระบุไว้ข้างต้น โดยถอนข้อเสนอสำหรับการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2562 ราว 280 ล้านยูโรโดยประมาณ อันเป็นการดำเนินการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
จากการปรึกษาหารือกับผู้ถือหุ้นหลักของกลุ่ม อันได้แก่ JinJiang International, Qatar Investment Authority, Kingdom Holding Company และ Harris Associates ทาง Accor ได้ตัดสินใจจัดสรรเงินจำนวน 25% ของเงินปันผลที่วางแผนไว้ (70 ล้านยูโร) เพื่อเปิดตัวกองทุน “ALL Heartist Fund” เพื่อช่วยเหลือสถานการณ์ Covid-19 โดยเงินทุนนี้จะนำไปช่วยเหลือ:
- พนักงานของกลุ่มกว่า 300,000 คน หากต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 รวมถึงผู้ที่ไม่มีประกันสังคมหรือประกันสุขภาพ
- พนักงานที่จำเป็นต้องพักงานที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางการเงินอย่างหนัก โดยจะพิจรณาตามแต่กรณี
- พาร์ทเนอร์รายบุคคล ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางการเงินอย่างหนัก โดยจะพิจรณาตามแต่กรณี
- นอกจากนี้ ทางกลุ่มยังจะใช้เงินทุนนี้ในการสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์และองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร
ความคิดริเริ่มนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการอันแรงกล้าของกลุ่มและผู้ถือหุ้น ในการให้ความสนับสนุนอันมีความหมายและส่งผลสำคัญต่อสากล เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติการณ์ด้านสุขภาพและเพื่อวางแผนความต้องการในอนาคต การตัดสินใจในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างพร้อมเพรียงจากสมาชิกคณะกรรมการ ที่ได้ตัดสินใจมอบเงินจำนวน 20% ของค่าเบี้ยประชุมเพื่อสมทบกองทุน “ALL Heartist Fund” ทั้งนี้ Sébastien Bazin (เซบาสเตียน บาแซง) ประธานกรรมการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร Accor จะร่วมมอบเงินจำนวน 25% ของค่าตอบแทนของเขาในช่วงเวลาวิกฤต เพื่อสมทบทุนอีกด้วย
Sébastien Bazin ประธานกรรมการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร Accor ให้ความเห็นว่า: “การต้อนรับ การปกป้อง และการดูแลผู้อื่นเป็นหัวใจสำคัญของสิ่งที่เราทำ ในภาวะฉุกเฉินและขนาดของสถานการณ์ปัจจุบัน เราตัดสินใจทำสิ่งที่มีความหมายโดยทันทีด้วยจิตวิญญาณตามค่านิยมและคำมั่นสัญญาของเรา เราอยากร่วมแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความซาบซึ้งใจต่อความกล้าหาญและความเสียสละของผู้คนในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ ในนามของคณะกรรมการ ผมขอขอบคุณผู้ถือหุ้นหลักทุกท่าน หากไม่มีพวกเขาแล้ว กองทุน “ALL Heartist Fund” จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ผมขอนับถือทีมงาน Accor ทั่วโลกด้วยเช่นกัน พวกเขาเผชิญกับวิกฤติการ ณ ปัจจุบันด้วยความกล้าหาญ ความเสียสละ และความเป็นมืออาชีพ อุตสาหกรรมของเรากำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก และเราต้องทำการตัดสินใจอันยากลำบากต่างๆ แต่ Accor ยังมีงบดุลที่แข็งแกร่งที่จะสามารถรับมือกับวิกฤตินี้ และยังมีความแข็งแรงพร้อมสำหรับช่วงระยะเวลาการฟื้นฟู ผมมั่นใจว่า Accor จะสามารถกลับมาเติบโตได้ในอีกไม่ช้า”