ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดสัมมา “สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย กรุงเทพฯ-ปริมณฑล”
นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานคณะกรรมการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) และประธานอำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถูกตั้งขึ้นภายหลังการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรวบรวม สำรวจ วิจัยข้อมูลในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นำมารายงานต่อภาครัฐในการจัดทำนโยบายที่เป็นประโยชน์ และเผยแพร่ข้อมูลสู่ภาคเอกชนในการวางแผนในการลงทุน ซึ่งได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องในช่วง 14 ปีที่ผ่านมาจากความร่วมมือด้านข้อมูลทั้งหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน
สำหรับเป้าหมายของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์คือ การแยกออกมาเป็นนิติบุคคล เช่นเดียวกับบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ซึ่งจะต้องมีการยกร่างกฎหมายการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมาใหม่ โดยจะเร่งให้มีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นนิติบุคคลภายในรัฐบาลชุดนี้ และต่อไปศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์รวบรวมข้อมูลในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้ว ต่อไปจะรวบรวมข้อมูลบ้านมือสอง จะมีหน้าที่เป็นนายทะเบียนจดทะเบียนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงจัดทำข้อมูลในส่วนของโรงแรมด้วย
ในปี 2561 ตั้งเป้าสินเชื่อปล่อยใหม่ที่ 190,000 ล้านบาท โดย 5 เดือนแรกสามารถปล่อยกู้ไปได้แล้ว 80,000 ล้านบาท จึงคาดว่าตลอดทั้งปีน่าจะปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เกินกว่า 200,000 ล้านบาท เนื่องจากภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะในภูมิภาค ซึ่งคาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้น่าจะขยายตัวได้ประมาณ 5% จากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
สำหรับบทบาทของธอส. มีส่วนร่วมใน 2 มิติ คือ มิติแรกคือ การสนับสนุนตามพันธกิจของธอส.ให้คนไทยมีบ้าน ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร รับสร้างบ้าน ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อต่างๆ และการสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
นอกจากนี้ ธอส.จะปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้มีรายได้น้อย บุคลากร ข้าราชการ หน่วยงานรัฐ ในวงเงินเบื้องต้น 70,000 ล้านบาท โดยเป็นการปล่อยกู้ให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ 30,000 ล้านบาท และโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (บุคลากรภาครัฐ) โดยล่าสุดจะเซ็นบันทึกความเข้าใจกับกองทัพในการปล่อยกู้ให้กับบุคลากรของกองทัพ และทหาร 3 เหล่าทัพวงเงิน 30,000 ล้านบาท กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ 2 รูปแบบ คือ ดอกเบี้ย 3.99% ระยะเวลา 10 ปี และ 3.75% เป็นเวลา 5 ปี ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือรูปแบบไหน
นายสุรชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ธอส.จะขยายการปล่อยสินเชื่อพัฒนาโครงการ หลังจากไม่ได้ปล่อยสินเชื่อกลุ่มนี้มาเป็นเวลานานมาก โดยจะเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการรายใหม่ หรือเรียกว่าเป็นสตาร์ตอัพในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศที่มีที่ดินเป็นของตนเอง เบื้องต้นจะปล่อยกู้ในวงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท รวม 1,000 ล้านบาท เป็นโครงการนำร่อง เพื่อเป็นการเสริมสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ในตลาด และเป็นการขยายสินเชื่อรายย่อยของธอส.ได้อีกช่องทางหนึ่ง โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อยในภูมิภาค