บมจ.วิลล่า คุณาลัย “KUN” ขาย IPO 150 ล้านหุ้น ลุยเข้า mai ภายในปีนี้
ระดมทุน เดินหน้า พัฒนาโครงการบ้านชานเมือง 4 ทิศ รอบกทม.
บมจ. วิลล่า คุณาลัย หรือ KUN ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้แบรนด์ “คุณาลัย” บนทำเลรอบปริมณฑล โดยเฉพาะอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี และฉะเชิงเทรา ซึ่งมีโครงการอยู่ระหว่างการขาย 7 โครงการ มูลค่ารวม 3,904.73 ล้านบาท และโครงการในอนาคตอยู่ระหว่างพัฒนา อีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,172 ล้านบาท พร้อมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เสนอขาย IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น หวังระดมทุนซื้อที่ดินเพิ่ม – ขยายธุรกิจในอนาคต โดยมี บริษัท เอส 14 แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN เปิดเผยว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบเพื่อขาย ภายใต้แบรนด์ “คุณาลัย”โดยยึดหลักการในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ 4 ด้าน คือ ทำเลศักยภาพ (COMFORTABLE) บ้านสวยในโครงการที่อบอุ่น (APPEARANCE) ทีมงานมืออาชีพ (RELIABLE) คุณภาพสมราคา (ECONOMY) ด้วยแนวคิด “คุณาลัย สร้างพื้นที่ สร้างความสุข” ซึ่งโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบที่กลุ่มบริษัทฯ ได้ดำเนินการอยู่ทั้งหมด 7 โครงการ ภายใต้ชื่อแบรนด์ประกอบด้วย คุณาลัย บีกินส์ (Kunalai Begins) ที่เน้นทาวน์โฮม ส่วนอีก 3 แบรนด์จะเน้นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด หรืออาคารพาณิชย์ได้แก่ คุณาลัย ซิมโฟนี (Kunalai Symphony) คุณาลัย พอลเลน (Kunalai Pollen) และคุณาลัย จอย (Kunalai Joy) ซึ่งโครงการทั้งหมดได้พัฒนาโดยบริษัทฯ และบริษัท วิลล่า วาณิช จำกัด ที่เป็นบริษัทย่อย ทั้งนี้ บริษัทฯ จะดำเนินการพัฒนาแต่ละโครงการ โดยเน้นพื้นที่ในเขตปริมณฑลโดยเฉพาะอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งพื้นที่ย่าน บางบัวทองถือเป็นทำเลหลักของบริษัทฯ และล่าสุดได้พัฒนาโครงการใหม่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ภายใต้โครงการ “คุณาลัย จอย ออน 314” บนพื้นที่ประมาณ 24 ไร่โดยมองว่าทำเลดังกล่าวมีศักยภาพ อัตราการเติบโต และมีความต้องการของแหล่งที่อยู่อาศัย เช่นเดียวกับย่านบางบัวทอง ประกอบกับเขตพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจากแผนการวางยุทธศาสตร์ของภาครัฐบาล ยิ่งเป็นเครื่องตอกย้ำแสดงให้เห็นว่า “ฉะเชิงเทรา จะเป็นเมืองใหม่แห่งใหม่ ของการอยู่อาศัย” ซึ่งตอบโจทย์ “ วิลล่า คุณาลัย” ที่มีจุดเด่นในการสร้างเมืองที่อยู่อาศัยชั้นดี
“ วิลล่า คุณาลัย หรือ KUN ” เป็นศูนย์กลางของแหล่งที่อยู่อาศัยในโซนกรุงเทพฝั่งตะวันตกกว่า 10 ปี โดยบริษัทฯ สามารถตอบโจทย์ ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในย่านบางบัวทอง ได้อย่างลงตัว ในการรองรับความต้องการของผู้บริโภคได้ครบทุกมิติ โดยบริษัทฯ เน้นหลักการดึงกลยุทธ์ โดยนำเอาองค์ความรู้ ไปต่อยอดเพื่อพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร ภายใต้แนวคิด “สุขใจอยู่บ้านชานเมือง” ประธานเจ้าหน้าที่ บมจ.วิลล่า คุณาลัย กล่าว
ปัจจุบันบริษัทฯ สามารถปิดโครงการได้แล้ว 4 โครงการ มูลค่ารวม 1,322.01 ล้านบาท และมีโครงการที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการ 7 โครงการ มูลค่ารวม 3,904.73 ล้านบาท และโครงการในอนาคต จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,172 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย 1)โครงการคุณาลัย จอย 2 ซึ่งเป็นโครงการประเภทบ้านแฝด-บ้านเดี่ยว 2 ชั้น มูลค่าโครงการประมาณ 1,500 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี และคาดว่าสามารถเปิดการขาย ภายในไตรมาส 2/2563 และ 2)โครงการวิลล่า วาณิช เป็นโครงการประเภทอาคารพาณิชย์ มูลค่าโครงการประมาณ 672 ล้านบาท ตั้งอยู่อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี คาดว่าจะเริ่มก่อสร้าง และเปิดขายได้ในปี 2564-2565
นางประวีรัตน์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับแผนการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ เพื่อนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจของบริษัทฯ โดยใช้ในการซื้อที่ดินเพิ่มเติมในพื้นที่อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เพื่อรองรับการเติบโต และจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ในการขยายกิจการในอนาคต เพื่อพัฒนาและขยายโครงการในทำเลอื่นๆให้ครบ 4 ทิศ รอบกรุงเทพมหานคร (เหนือ, ใต้, ตะวันออก, ตะวันตก) ตามนโยบายและวิสัยทัศน์ที่บริษัทฯ วางไว้ เพื่อเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งของแบรนด์ธุรกิจ ในการก้าวสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบเพื่อขายในเขตปริมณฑล
โดยบริษัทฯเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้นและมูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท และมีทุนที่เรียกชำระแล้ว 225 ล้านบาท และมีจำนวนหุ้นสามัญจำนวนทั้งสิ้น 600 ล้านหุ้นซึ่งเป็นหุ้นสามัญเดิม 450 ล้านหุ้น และหุ้นที่จะเสนอขาย IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น ภายหลังจากการเสนอขายหุ้น IPO บริษัทฯจะมีทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 300 ล้านบาท ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟลิ่ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ภายในปลายปีนี้
“ หัวใจสำคัญของบริษัทฯ คือ การดูแลกิจการที่ดี โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) ผู้ถือหุ้น – พันธมิตร ซึ่งเรายึดหลักธรรมาภิบาล โดยบริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 2) ความสุขของพนักงาน 3) ลูกบ้าน คือการสร้างพื้นที่บ้านให้เกิดความคุ้มค่าน่าอยู่ และ 4) สังคม คือการมีจิตสาธารณะในการเป็นผู้ให้ และนี่คือหัวใจของ วิลล่า คุณาลัย”
ด้าน นางปิยะภา จงเสถียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส 14 แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเพิ่มเติมว่า บมจ.วิลล่า คุณาลัย ถือว่าเป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบย่านบางบัวทอง ที่มีนโยบายในการดำเนินธุรกิจ ภายใต้แนวคิดการพัฒนาโครงการเมืองที่อยู่อาศัย ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในย่านบางบัวทอง
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า “คุณาลัย” เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ที่สร้างแบรนด์ได้แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นผลมาจาก ประสบการณ์และกลยุทธ์ ในการเจาะตลาดในย่านบางบัวทองกว่า 10 ปี ทำให้คุณาลัย สามารถตอบโจทย์และตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าในโซนดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ภาพรวมของผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 ปีย้อนหลังที่ผ่านมา 2559-2561 สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2559-2561) และงวด 9 เดือนแรกปี 2562 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม เท่ากับ 297.50 ล้านบาท 450.38 ล้านบาท 447.09 ล้านบาท และ 461.09 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 5.94 ล้านบาท 10.80 ล้านบาท 11.56 ล้านบาท และ 43.15 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งรายได้รวมเติบโตขึ้นจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการทยอยเปิดขายโครงการเพิ่มขึ้น
สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2562 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายหลักมาจากโครงการคุณาลัย จอย ที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ในช่วงไตรมาส 1/2562 เป็นต้นมา และโครงการคุณาลัย ซิมโฟนี ที่มีการปรับปรุงแบบบ้านใหม่ โดยสินค้าบ้านเดี่ยวเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีของกลุ่มบริษัทฯ
นอกจากนี้ ยังได้อานิสงส์จากมาตรกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยรัฐบาลจะลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดทะเบียนการจำนองสำหรับบ้านที่ราคาไม่เกิน 3 ล้าน ดังนั้น จากแนวโน้มการเติบโตของบริษัทฯ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งทางธุรกิจ ที่จะนำพาไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต