‘บริทาเนีย’ เผยยอดพรีเซล 9 เดือนแรกทะลุ 7,800 ล้านบาท
คิดเป็น 71% ของเป้าหมายปีนี้ โชว์ผลตอบรับดี แย้มไตรมาส 4 โตต่อเนื่อง
“บริทาเนีย” โชว์ผลงานกวาดยอดขาย (พรีเซล) 9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 7,840 ล้านบาท เติบโต 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลตอบรับลูกค้าดีทั้งโครงการใหม่และโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย คิดเป็น 71% ของเป้าหมายทั้งปี มั่นใจปี 2565 ทำยอดขาย 11,000 ล้านบาทตามแผน
นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เปิดเผยว่า จากแผนธุรกิจช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ที่มุ่งเน้นเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ประกอบกับภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศทยอยฟื้นตัวส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ล่าสุด บริษัทฯ สามารถทำยอดขาย (พรีเซล) ไตรมาส 3/2565 ได้ทั้งสิ้น 2,843 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้มียอดขายสะสมใน 9 เดือนแรกของปีนี้รวมทั้งสิ้น 7,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ย้ำเปิดโครงการไตรมาสสุดท้ายตามแผน มั่นใจเป็นไปตามเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้
ยอดขายไตรมาส 3/2565 และ 9 เดือนแรกของปีนี้ที่เติบโตได้ดี มาจากโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบที่อยู่ระหว่างการขายรวมทั้งสิ้น 25 โครงการ ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการที่เปิดตัวใหม่ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 4,350 ล้านบาท ได้แก่ 1) โครงการบริทาเนีย วงแหวน – ปิ่นเกล้า มูลค่าโครงการ 550 ล้านบาท 2) โครงการบริทาเนีย โฮม บางนา กม.17 มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท 3) โครงการบริทาเนีย ทาวน์ บางนา กม.17 มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท และ 4) โครงการแกรนด์ บริทาเนีย คูคต สเตชั่น มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงการใหม่ที่ทยอยเปิดตัวในปีนี้ มีจุดเด่นด้านทำเลที่มีการคมนาคมสะดวกและแวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ใกล้ทางด่วน, สถานีรถไฟฟ้า, ใกล้ศูนย์การค้า, โรงพยาบาล เป็นต้น และบริษัทฯ ได้ศึกษาความต้องการของผู้อยู่อาศัยหลากหลายเจเนอเรชัน ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปและปัญหาต่างๆ ในการอยู่อาศัย เพื่อนำมาเน้นการพัฒนารูปแบบบ้านและฟังก์ชันใช้สอยภายในให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคสำหรับรองรับการขยายครอบครัว พร้อมนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาตอบสนองการใช้ชีวิตและอำนวยความสะดวกสบายยิ่งขึ้น
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องต้นทุนวัสดุก่อสร้าง สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย และการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อทั้งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และต่อกำลังการซื้อของผู้บริโภค บริษัทฯ ได้วางแผนและแนวทางการรับมืออย่างเคร่งครัด มีการบริหารต้นทุนและควบคุมการใช้จ่ายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อรักษามาตรฐานการดำเนินงานที่ดีและมุ่งหวังส่งมอบบ้านที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคต่อไป
“ยอดขายที่ทำได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ในเกณฑ์ที่พอใจ และมั่นใจว่าบริษัทฯ จะทำยอดขายรวมในปีนี้ได้ถึง 11,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย หากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่อยู่อาศัยที่กำลังฟื้นตัว โดยแผนงานไตรมาสสุดท้ายจะเปิดตัวโครงการตามแผนที่กำหนด ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เน้นทำเลศักยภาพที่มีเศรษฐกิจเติบโตและความต้องการที่อยู่อาศัยสูงที่ได้รับประโยชน์จากการขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมและอัตราการขยายตัวของประชากร และเป็นโอกาสของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ” นางศุภลักษณ์ กล่าว