มั่นคงฯ เล็งลงทุนธุรกิจท่องเที่ยว-ผู้สูงอายุ

มั่นคงฯ ตั้งเป้าสัดส่วนกำไรจากอสังหาฯเพื่อขาย ให้เช่าและบริการ 50:50 ภายในปี  63 เตรียมลงทุนในธุรกิจท่องเที่ยว ผู้สูงอายุ สุขภาพ  

              นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ และด้านสุขภาพ เนื่องจากเป็นธุรกิจมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี   โดยขณะนี้อยู่ระหว่างหาพันธมิตรธุรกิจที่มีความชำนาญในแต่ละธุรกิจมาร่วมลงทุน ปัจจุบันอยู่ในขันตอนการเจรจาคาดว่าจะมีความชัดเจนในปลายปีนี้

       ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายสัดส่วนกำไรจากธุรกิจขายอสังหาริมาทรัพย์และสัดส่วนกำไรจากธุรกิจให้เช่าและบริการในช่วง 3 ปี (ปี 2561-2563) เป็น50:50  โดยอสังหาฯเพื่อขายจะมีรายได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท กำไร 12-15% หรือประมาณ 600 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อให้สัดส่วนกำไรจากการเช่าและบริการเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย บริษัทจึงมีแผนเพิ่มรายได้จากธุรกิจอสังหาฯเพื่อเช่าและบริการให้มากขึ้น จากปัจจุบันสัดส่วนกำไรจากธุรกิจอสังหาฯเช่าและบริการอยู่ที่ 10-15% บริษัทจึงมีแผนที่จะขยายพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าให้เช่าจากปัจจุบันมีพื้นที่ราว 1.5 แสนตารางเมตร จะเพิ่มเป็น 3 แสนตร.ม. เนื่องจากประเทศไทยยังมีศักยภาพและความแข็งแกร่งในการเป็นฐานการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ


ด้านงบลงทุนรวมในปี 2561 บริษัทตั้งไว้ที่ 4,000 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการซื้อที่ดิน การลงทุนในโรงงาน และโครงการอื่นๆ

นายวรสิทธิ์ กล่าวต่อว่า บริษัทได้ทุ่มงบลงทุนกว่า 160 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมชวนชื่นกอล์ฟคลับ บนพื้นที่กว่า 400 ไร่ ให้มีความทันสมัยมากขึ้นและได้เปลี่ยนชื่อเป็น ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับโดยได้พัฒนาคลับเฮาส์และสปอร์ตคลับพื้นที่กว่า 5,000 ตร.ม.ขึ้นใหม่ ประกอบด้วย ห้องอาหาร ห้องสัมมนา ล็อกเกอร์ และห้องอาบน้ำ รวมถึงบริการโปรช้อปที่มีสินค้าเกี่ยวกับกอล์ฟให้เลือกซื้อ ในส่วนบริเวณสปอร์ทคลับ ประกอบด้วย ฟิตเนส ห้องโยคะ สระว่ายน้ำ ร้านกาแฟ รองรับกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ ในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ รวมไปถึงงานเลี้ยงสังสรรค์และงานสัมมนามากขึ้น รวมถึงรองรับการใช้บริการของลูกบ้านของมั่นคงฯ โดยคาดว่าจะมีลูกค้าใหม่และรายจ่ายต่อคนเพิ่มไม่น้อยกว่า 5% จากปกติมีผู้เข้ามาใช้บริการเฉลี่ยเดือนละ 4,500 ราย คาดว่าในปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 40% จากที่ผ่านมาธุรกิจนี้มีรายได้เฉลี่ยปีละ 80 ล้านบาท

สำหรับที่ดินรอบสนามกอล์ฟที่ยังไม่ได้พัฒนาอีกกว่า 300 ไร่ บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย โดยในปีนี้มีแผนเปิดโครงการบ้านเดียว ขนาด 500-600 ตารางวา จำนวน 36 ยูนิต บนพื้นที่โครงการราว 50 ไร่ ติดสนามกอล์ฟ ขายในราคา 40 ล้านบาทขึ้นไป คาดจะเปิดตัวช่วงเดือน พ.ค.นี้

นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาโครงการบ้านเดียวขนาด 50-100 ตร.ว.บนพื้นที่โครงการประมาณ 30 ไร่ ด้านหลังสนามกล็อฟ ขายในราคา 4.3-5 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวได้ปลายปีนี้ อย่างไรก็ดีในปีนี้บริษัทวางงบลงทุนโดยรวมไว้ประมาณ 4,000 ล้านบาท