ลูกค้าเปลี่ยน เราต้องปรับ
น.ส.ภัทริดา ภัทรธราดล ผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท ภัทรีดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ภัทรีดาฯ เป็นบริษัทอสังหาฯรายเล็กเข้ามาสู่ธุรกิจอสังหาฯเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว โดยขยายไลน์มาจากธุรกิจก่อสร้าง ปัจจุบันเป็นการบริหารงานยุคเจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่มีเป้าหมายสร้างการเติบโตมากขึ้น จากปีแรกๆพัฒนาเพียงปีละ1 โครงการ แต่ตอนนี้มีการลงทุนพัฒนาเฉลี่ยปีละ 5 โครงการ
ทั้งนี้ เพื่อสร้างการเติบโต ต้องมีการศึกษาลูกค้าก่อน ซึ่งปัจจุบันลูกค้าที่ซื้อบ้านมากที่สุดคือกลุ่ม Gen Y และลูกค้ามีความหลากหลายมาก เมื่อลูกค้าเป็นกลุ่ม Gen Y ต้องเริ่มศึกษาหาข้อมูล ซึ่งลูกค้ากลุ่ม Gen Y เมื่อซื้อสินค้าหรือบริการ จะหาข้อมูลเยอะมาก ทั้งในอินเทอร์เน็ต หาข้อมูลเปรียบเทียบ ดูรีวิว นำข้อมูลเหล่านั้นมาตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ
เมื่อรู้แล้วว่ากลุ่มลูกค้าของเราคือใคร ต้องพัฒนาสินค้าให้กับลูกค้ากลุ่มนั้น โดยที่ต้องเข้าใจลูกค้าของเรา ใม่ใช่แค่รู้แค่เพศ อายุ แต่ต้องเข้าใจไลฟ์สไตล์ว่าเป็นเพศอะไร อายุเท่าไหร่ ลักษณะครอบครัวเป็นอย่างไร การศึกษาเป็นอย่างไร รู้ไปถึงทัศนคติ เพื่อพัฒนาสินค้าให้ตรงกับกลุ่มลูกค้า และนำมาเทียบกับข้อมูลอีกครั้งหนึ่งว่า สุดท้ายสินค้าที่พัฒนาใช่สินค้าที่ลูกค้าต้องการหรือไม่
“พฤติกรรมกลุ่ม Gen Y “ช้า แต่เร็ว” การปรับตัวรับมือลูกค้า Gen Y อย่างน้อยต้องพัฒนาให้สินค้าตรงกับความต้องการ การตอบสนองกลุ่ม Gen Y ต้องเร็ว ตอบสนองให้ตรงจุด และกลุ่มนี้เลือกซื้อโครงการ มีการหาข้อมูลในหลายๆที่ การเข้ามาดูโครงการ จะดูทุกรายละเอียดทุกด้าน และหากตัดสินใจซื้อแล้ว เราต้องตอบสนองให้เร็ว ถามคำถามมาต้องตอบทันที การเข้าไปดูแลโครงการหลังการ ปกติจะมีขั้นตอน แต่หากลูกค้า Gen Y ต้องตอบให้ทันทีว่าเข้ากี่โมง วันไหน ถ้าบางคำตอบที่ตอบไม่ได้อีก 15 นาทีโทรมาใหม่ พฤติกรรมลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นอย่างนั้น” น.ส.ภัทรีดา กล่าว
นอกจากนี้ สินค้าที่พัฒนาต้องมีดีไซน์ จากการศึกษาข้อมูลที่ผ่านมา พบว่า กลุ่ม Gen Y ต้องการสินค้าที่มีดีไซน์ ต้องทำดีไซน์ให้เข้าตรงกับความต้องการของลูกค้า ของภัทรีดาดีไซน์เป็นสไตล์โมเดิร์น แต่ละโครงการมีธีมที่แตกต่างกัน แต่การตกแต่งอยู่ภายใต้แบรนด์ภัทรีดา
ไทยพาณิชย์ระบุลูกค้าGen Y สัดส่วนสูง 35%
น.ส.จามรี เกษตระกูล รองผู้จัดการใหญ่ผู้บริหารสูงสุดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า เทรนด์ของลูกค้า Gen Y เข้ามาในตลาดมากขึ้น จากข้อมูลของธนาคารไทยพาณิชย์ ลูกค้า Gen Y สัดส่วนสูงถึง 35% เติบโตขึ้น 30% จากปีก่อนสัดส่วนอยู่ที่ 20%
การปรับตัวเพื่ออยู่รอด ไม่ใช่แค่ดีเวลลอปเปอร์รายกลางและเล็ก ทุกธุรกิจต้องปรับ แม้แต่ธนาคารเองก็ต้องเข้าใจและต้องปรับ อะไรที่ทำแบบเดิม วิธีการแบบเดิมไม่ได้แล้ว การเข้าถึงลูกค้าไม่เหมือนเดิม ต้องใช้สื่อออนไลน์มากขึ้น ดิจิทัลมา ดีเวลลอปเปอร์รายกลางและเล็ก มีโอกาส เพราะเมื่อก่อนมีข้อด้อยในเรื่องต้นทุน หรือการเข้าถึงข้อมูล ถ้าทำให้เป็นโอกาสอย่างไรที่จะปรับและเปลี่ยนแปลง เพราะรายเล็ก รายกลาง เปลี่ยนแปลงได้ง่ายกว่ารายใหญ่ มีโครงสร้างระบบการทำงานที่ไม่ยุ่งยากมากนัก ถ้ามีเทคโนโลยีเข้ามา ข้อดี ทำอย่างไรนำเทคโนโลยีมาสร้างโอกาส ปรับให้เร็ว พฤติกรรมลูกค้า Gen Y เป็นกลุ่มเข้าใจสังคม ค้นหาข้อมูลตลอดเวลา ชอบเปรียบเทียบ ชอบใช้สินค้าบริการ ใช้บริการอูเบอร์ แก๊ป มากกว่าเจนอื่น แต่ก็เป็นกลุ่มมีภาระการผ่อนสินเชื่อค่อนข้างมาก จึงเลือกที่จะประหยัด และต่อรองราคาสูง
นายสัมมา คีตสิน นักเศรษฐศาสตร์อสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า กลุ่มGen Yในแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกัน เพราะฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมต่างกัน สำหรับประเทศไทยอาจจะต่องแบ่งเป็นเป็นGen Y ที่มีสถานะทางการเงินดี สืบทอดมาจากรุ่นพ่อแม่ ขณะเดียวกันอีกกลุ่มก็จะเป็นชนชั้นกลาง-ล่าง อาจมีสถานะทางเศรษฐกิจไม่ดีนัก ซึ่งอาจจะมีภาระหนี้สินทั้งจากการบริโภคและการกู้ยืมเพื่อการศึกษา ดังนั้นทั้ง 2 กลุ่มจะมีศักยภาพในการซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาที่ต่างกัน ขณะเดียวกันGen Y หากแบ่งตามอายุ ก็จะมีระดับอายุตั้งแต่ 28-35 ปี และ 20-27 ปี ซึ่งมีความพร้อมในการซื้อที่อยู่อาศัยไม่เท่ากัน โดยกลุ่มอายุ28-35 ปี จะมีความพร้อม
ในงานสัมมนา”ไขรหัสลับคน”Gen Y จุดเปลี่ยนอสังหาฯ 4.0” จัดโดย TERRABKK
เรียบเรียงโดย : กัญสุชญา สุวรรณคร (บรรณาธิการข่าว PropDNA)