อสังหาริมทรัพย์ ที่มีการแข่งขันรุนแรงต่อเนื่อง จากสต็อกคงค้าง และโครงการเปิดใหม่ การกระจายการลงทุนไปธุรกิจอื่น ยังคงเป็นโมเดล ที่บริษัทอสังหาฯ ใช้ในการสร้างความมั่นคงและรายได้ในระยะยาว เช่นเดียวกับ อนันดาฯ ล่าสุด ได้ขยายธุรกิจใหม่ “เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์”
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การขยายธุรกิจใหม่ เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ มองว่าเป็นรูปแบบธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ในระยะยาว อีกทั้งมองโอกาสการเติบโตของธุรกิจและการท่องเที่ยวของไทย จากการที่ไทยยังเป็นศูนย์กลางทางการค้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีทรัพยากรทางธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมที่สวยงามเป็นที่ดึงดูดแก่นักท่องเที่ยวมากขึ้นในทุกปี ทำให้ธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“อัตราการเช่าเฉลี่ยของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ในทุกทำเลของกรุงเทพฯ มากกว่า 74% และสามารถขยับขึ้นไปถึงประมาณ 90% ในบางทำเล โดยพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจและพื้นที่ตามแนวถนนสุขุมวิท เป็นทำเลยอดนิยมสำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ อัตราการเช่าเฉลี่ยจึงอยู่ที่ประมาณ 80% เนื่องจากความสะดวกในการเดินทางและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายรวมไปถึงการเข้าถึงที่สะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้า BTS”
โดยมีแผนที่จะพัฒนาเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ 14 โครงการ ทั้งในกรุงเทพฯและจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยว มูลค่ารวมประมาณ 35,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี ส่วนในปีนี้มีแผนใช้เงินลงทุน 6,000 ล้านบาท พัฒนา 4 โครงการ จำนวนกว่า 1,400 ยูนิต มูลค่ากว่า 10,000 ล้าน โดยทั้ง 4 โครงการเป็นที่ดินเช่าทั้งหมด ระยะเวลาการเช่า 30 ปี อัตราค่าเช่า 300-400 บาทต่อ30 ปี
สำหรับ 4 โครงการแรกที่บริษัทจะลงทุน ได้แก่ ได้แก่ 1.โครงการ ซัมเมอร์เซ็ท รามา 9 บางกอก มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท จำนวน 445 ยูนิต 2. แอสคอทท์ เอมบาสซี สาทร 3.แอสคอทท์ ทองหล่อ และ Lyth สุขุมวิท ซ.8 ราคาค่าเช่าเฉลี่ย 2,500-3,000 บาท/ต่อวัน โดยโครงการแรก จะเปิดให้บริการในช่วงปี 2563 และจะทยอยเปิดให้บริการอีก 3 โครงการที่เหลือในช่วงปี 2564 โดยที่บริษัทคาดว่ารายได้ค่าเช่าของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ทั้ง 4 แห่ง เมื่อเปิดให้บริการครบโดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 80% ในปี 2564 จะมีรายได้ 1,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทได้จับมือ ดิ แอสคอทท์ ซึ่งเป็นเชนบริหารเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ บริหารโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ของบริษัท เนื่องจากมีความมั่นใจการดำเนินงานของ แอสคอทท์ ที่เป็นผู้บริหารโรงแรมต่างๆระดับโลก และเป็นเบอร์หนึ่งของตลาด ซึ่งมีเครือข่ายมากที่สุด ทำให้สามารถส่งลูกค้าให้แก่กันและกันในโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ในเครือได้ พร้อมกับมีแบรนด์ต่างๆในเครือที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าหลายระดับ คือ กลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน ซึ่งมีแบรนด์ ASCOTT, SOMERSET และ Citadines ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับบนไปจนถึงกลุ่มลูกค้าครอบครอบและนักท่องเที่ยวคนเดียว
นายเควิน โกห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิ แอสคอทท์ จำกัด กล่าวว่า ทางแอสคอทท์ ได้มีการเซ็นสัญญารับบริหารเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ให้กับโครงการที่อนันดา พัฒนาทั้งหมด 14 แห่ง ซึ่งจะมีการทยอยเปิดให้บริการไปต่อเนื่อง โดยนอกเหนือจาก 4 โครงการแรก จะมีการพัฒนาโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์อื่นๆอีก 10 โครงการ ตั้งแต่ปี 2562-2566 ซึ่งจะมีการพัฒนาโครงการทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดในหัวเมืองท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อที่ทำให้เข้าถึงลูกค้าในหลากหลายกลุ่มในแต่ละสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ
ปัจจุบัน แอสคอทท์มีโครงการที่พักอาศัยให้บริการอยู่มากกว่า 43,000 แห่งในเมืองสำคัญต่างๆในอเมริกา เอเชียแปซิฟิก ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา และมีมากกว่า 29,000 ยูนิตซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา ทำให้มีจำนวนโครงการทั้งหมดรวมกว่า 74,000 ยูนิตในกว่า 500 แห่ง ซึ่งแบรนด์ของบริษัท ทั้ง 6 แบรนด์ ได้แก่ Ascott, Citadines, Somerset, Quest, The Crest Collection และ Lyth