อารียา พรอพเพอร์ตี้ ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เผยผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2561 เติบโต ด้วยยอดขายรวม 4,852 ล้านบาท โดย 65% มาจากโครงการแนวราบ และ 35% มาจากโครงการแนวสูง ซึ่งเอื้อมาจากภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีแรกที่ขยับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา มั่นใจปีนี้ทำรายได้เข้าเป้าเติบโต 10% พร้อมเดินหน้าเปิดตัวโครงการ The AVA Residence สุขุมวิท 77 เฟส 2 เพื่อรองรับความต้องการตลาดไฮเอนด์ ที่มีกำลังซื้อสูง และเป็นกลุ่มที่มีดีมานด์เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายวิวัฒน์ เลาหพูนรังษี ประธานกรรมการอาวุโส บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจของ อารียา พรอพเพอร์ตี้ ในครึ่งปีแรกเติบโตไปตามทิศทางเดียวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่มีปัจจัยบวกสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็น ตัวเลข GDP จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ที่เพิ่งเผยข้อมูลช่วงไตรมาสแรกไปนั้น เศรษฐกิจประเทศไทยมีการเติบโตที่ 4.8% ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 5 ปี ส่งผลให้เศรษฐกิจทุกภาคส่วนมีการเริ่มขยับปรับโตไปในทิศทางที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ความต้องการซื้อเพื่อการอยู่อาศัย หรือการซื้อเพื่อการลงทุน ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยในครึ่งปีแรกของปี 2561 บริษัทฯ มียอดขายรวม 4,852 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ มูลค่ารวม 3,107 ล้านบาท คิดเป็น 65% และจากโครงการแนวสูงมูลค่ารวม 1,745 ล้านบาท คิดเป็น 35% ทั้งนี้ ยังพบว่า ตลาดกลุ่ม Luxury ทั้งบ้านและคอนโดที่มีราคาตั้งแต่ 25 ล้านบาทขึ้นไปของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยเฉพาะทำเลในย่านใจกลางเมือง ย่านธุรกิจ อาทิ โซนสุขุมวิท โซนบางนา และโซนเกษตร-นวมินทร์
อย่างไรก็ตามในไตรมาส 2/2561 บริษัทฯมีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจโดยมีรายได้ 952.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 16.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 15.9 ล้านบาท สำหรับงวดครึ่งปี บริษัทฯมีรายได้ 2000.9 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 69.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 44.9 ล้านบาท
นายวิวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “อารียา พรอพเพอร์ตี้ ยังคงมองถึงแนวโน้มตลาดกลุ่ม Luxury ที่มีการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้ทุ่มงบถึง 4,468 ล้านบาท ในการเปิดตัวโครงการระดับไฮเอนด์ขึ้น 2 โครงการ ไปเมื่อปี 2560 ได้แก่ โครงการ เฉลิมนิจ อาร์ต เดอ เมซอง สุขุมวิท 53 มูลค่า 1,968 ล้านบาท และ โครงการ The AVA Residence สุขุมวิท 77 มูลค่า 2,500 ล้านบาท โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้บริหารระดับสูง และเจ้าของกิจการ ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป ที่ชอบความสะดวกสบายในด้านโลเคชั่น ทำเลที่ตั้งที่ใกล้กับห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล โรงเรียน รวมถึงการเข้าถึงใจกลางเมืองย่านธุรกิจสำคัญได้ด้วยการเดินทางที่รวดเร็ว
จากผลการตอบรับเป็นอย่างดีของโครงการ The AVA Residence สุขุมวิท 77 เฟสที่ 1 ที่สามารถปิดยอดขายได้หมดแล้วนั้น บริษัทฯ จึงได้เปิด เฟสที่ 2 ขึ้น โดยมีมูลค่ารวมโครงการเฟสนี้ 1,026 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 35 – 80 ล้านบาท ด้วยขนาดพื้นที่ 61-169.5 ตารางวา มีพื้นที่ใช้สอยรวม 402 -604 ตารางเมตร โดดเด่นด้วยคอนเซ็ปต์ Modern Tropical ในรูปแบบบ้านใหม่ หน้ากว้าง มีทั้งแบบบ้านสองชั้น และสามชั้น ที่มาในดีไซน์ใหม่ให้เลือกตามความต้องการของลูกค้า พร้อมสระว่ายน้ำและลิฟต์ ทั้งนี้ยังมีการปรับฟังค์ชั่นการใช้งานในห้องต่างๆ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และใส่รายละเอียดเพื่อการอยู่อาศัยสำหรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ มีระบบรักษาความปลอดภัยควบคู่กับ Home Intelligence เสาไฟฟ้าลงดิน สำหรับโครงการในเฟสนี้ ยังคงตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ที่มองหาที่อยู่อาศัยควบคู่กับการลงทุนในย่านใจกลางเมือง พร้อมทั้งยังตอบโจทย์ความชอบเฉพาะตัว และไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านเป็นปัจจัยสำคัญ
นอกจากนี้ โครงการ The AVA Residence สุขุมวิท 77 ยังคงมีความโดดเด่นด้วยโลเคชั่นที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว ติดถนนใหญ่ที่สามารถเข้าถึงถนนเส้นหลัก อย่างศรีนครินทร์ พัฒนาการ สุขุมวิท และบางนา ได้ภายใน 10 นาที ถือเป็นความพิเศษที่ลงตัวบนถนนสุขุมวิท 77 โดยเฟส 2 ได้มีการเปิดให้จองกรรมสิทธิ์อย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อ 3 เดือน ที่ผ่านมา
“กลุ่ม Gen-X ที่เป็นผู้บริหารและเจ้าของกิจการรุ่นใหม่ อายุ 45 ปีขึ้นไป ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลที่เดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองอย่างสะดวก แต่ยังคงความเป็นส่วนตัว การเปิดตัวโครงการ The AVA Residence สุขุมวิท 77 เฟสที่ 2 จึงเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้อย่างลงตัว ส่งผลให้ล่าสุดมียอดจองแล้วถึง 20%” นายวิวัฒน์กล่าว