เมเจอร์ฯชี้อสังหาฯไทยเนื้อหอม จีน-สิงคโปร์ซื้อบิ๊กล็อตตัดขาย30% ต่อโครงการ –ครึ่งปีหลังลุยเปิด 8 โครงการมูลค่ารวม1.1 หมื่นล้าน
“เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” ชี้ครึ่งปีหลังอสังหาฯขยับฟื้น ลุยเปิดคอนโด 8 โครงการ มูลค่ารวม 1.1 หมื่นล้าน ระบุอสังหาฯไทยเนื้อหอม ทุนต่างชาติ จีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ หวนกลับมาซื้อ ทั้งแบบรายย่อยและบิ๊กล็อต
นายสุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) หรือ(MJD) เปิดเผยว่าในครึ่งปีหลัง ตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากที่ชะลอตัวไปเมื่อช่วงกลางปี 2559ต่อเนื่องถึงต้นปี 2560 จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอ กำลังซื้อที่ลดลง และภาครัฐไม่มีมาตราการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์เข้ามาสนับหนุน โดยในครึ่งปีแรกโครงการเปิดใหม่ยังชะลอตัวอยู่บ้าง แต่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะเห็นแนวโน้มผู้ประกอบการอสังหาฯส่วนใหญ่เริ่มบุกตลาด และเปิดโครงการใหม่มากขึ้น ทำให้ตลาดกลับมาคึกคัก แต่มองว่าตลาดอาจจะเกิดชะลอตัวในช่วงเดือนต.ค.นี้ และจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วง 2 เดือนสุดท้าย และต่อเนื่องไปถึงต้นปี 2561
แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีความระมัดระวังความเสี่ยง ในด้านการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงิน เพราะสถาบันการเงินยังมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ หลังจากแนวโน้มของตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือNPL ยังปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความเสี่ยงในแง่ของการโอนของผู้ประกอบการอสังหาฯ
ครึ่งปีหลังเปิด 8 โครงการมูลค่า 1.1หมื่นล้าน
ดังนั้น บริษัทจะรุกเปิดโครงการส่วนใหญ่ในครึ่งปีหลัง ตั้งแต่เดือนก.ย.เป็นต้นไป ซึ่งมีการทยอยขายโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ตามแผนที่จะเปิดปีนี้ จำนวน 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 11,000 ล้านบาท ซึ่งจะผลักดันยอดขายของบริษัทในปีนี้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10,000 หมื่นล้านบาทโดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทยังไม่มีการขายโครงการใหม่ จึงยังไม่มียอดขายใหม่เข้ามา
โดยจะเริ่มเปิดการขายโครงการใหม่ตั้งแต่ช่วงวันที่ 23-24 ก.ย.นี้ โดยมี 2 โครงการแรกที่เปิดการขาย ภายใต้แบรนด์ใหม่”มารุ” ใน2 ทำเล มูลค่าโครงการรวม 4,100 ล้านบาท คือ โครงการ”มารุ ลาดพร้าว 15″เป็นคอนโดมิเนียมบนพื้นที่กว่า 1 ไร่ สูง 30 ชั้น จำนวน 332 ยูนิต มูลค่า 1,800 ล้านบาท และ โครงการ มารุ เอกมัย 2 เป็นคอนโดมิเนียมบนพื้นที่กว่า 1 ไร่ สูง 32 ชั้น จำนวน 371 ยูนิต มูลค่า 2,522 ล้านบาท
“มารุเป็นโครงการคอนโดไฮท์ไลว์ สูง 30 ชั้น จำนวนยูนิตไม่มาก ราคาเริ่มต้น 3.7 ล้านบาท เน้นดีไซน์ให้มีพื้นที่ใช้สอยส่วนกลางมาก บรรยายกาศเรียบง่าย มารุ จะมีสวนขนาดใหญ่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง ทีทำงานออฟฟิศหรือที่บ้าน และชอบพักผ่อน มารุ ยังอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงในคอนโดมิเนียม และยังได้น้องนาย ณภัทร ที่มีรูปแบบไลฟ์สไตล์เช่นเดียวกับกลุ่มเป้าหมาย มาเป็นพรีเซ็นเตอร์โครงการอีกด้วย” นายสุริยากล่าวและว่า บริษัทคาดว่าทั้ง 2 โครงการจะทำยอดขายได้ 50% ภายในปีนี้ ส่วนอีก 6 โครงการคอนโดมิเนียมจะทยอยเปิดการขายในช่วงที่เหลือของปีนี้
จีน-สิงคโปร์ หวนกลับซื้ออสังหาฯไทย
อย่างไรก็ดี มองว่าตลาดคอนโดมิเนียมได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และอยู่ในช่วงของการฟี้นตัว และยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทำเลหลัก อย่าง สุขุมวิท ที่แม้จะมีคอนโดฯเกิดใหม่ขึ้นจำนวนมาก แต่ก็มีความต้องการซื้อจำนวนมากเช่นกัน ที่น่าสนใจ ก็คือความต้องการซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศ ที่เริ่มกลับเข้ามา ทั้งการซื้อแบบรายย่อย และการซื้อ บิ๊กล็อต ของรายใหญ่ ทั้งจากนักลงทุนจีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ ส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่อขายต่อหรือปล่อยเช่า
ในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการต้องนำโครงการไปโรดโชว์ต่างประเทศ แต่ปีนี้มีเอเจนซี่จากต่างชาติ เข้ามาซื้อโครงการของบริษัทไปขายต่อให้กับลูกค้าต่างชาติ ซึ่งลูกค้าชาวต่างชาติส่วนใหญ่ที่เข้ามาซื้อโครงการคอนโดฯในไทยส่วนใหญ่มีความสนใจในทำเลย่านสุขุมวิท และอีกหนึ่งทำเลที่เริ่มได้รับความสนใจ คือ พหลโยธิน-ลาดพร้าว เพราะเป็นทำเลที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบถ้วนและการเดินทางสะดวก โดยปกติบริษัทจะแบ่งสัดส่วนการขายให้กับลูกค้าชาวต่างชาติในแต่ละโครงการในสัดส่วน 20-30% ซึ่งความต้องการซื้อของลูกค้าชาวต่างชาติเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้ยอดขายของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมาย
“สาเหตุที่อสังหาฯไทย เป็นที่ต้องการซื้อของต่างชาติ เนื่องจากความได้เปรียบในเรื่องของที่ตั้งเป็นศูนย์กลางของอาเซียน รวมถึงราคาอสังหาฯ ยังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในเอเชีย ทำให้คุ้มต่อการลงทุน”