“เอกา โกลบอล” เร่งทำ R&D สินค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เตรียมขยายกำลังการผลิตรับมือวิกฤตขาดแคลนอาหารทั่วโลก
“เอกา โกลบอล” ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร มองเศรษฐกิจโลกผันผวนยังเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง ส่วนทิศทางค่าเงินบาทอ่อนอาจเป็นโอกาสหนุนอุตสาหกรรมส่งออกและการท่องเที่ยวไทยให้ได้อานิสงส์เติบโตขึ้น สบจังหวะเตรียมความพร้อมบริษัท เร่งมือ R&D ผลิตสินค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขยายกำลังการผลิตรับมือวิกฤตขาดแคลนอาหารทั่วโลกที่อาจส่งผลกระทบอุตสาหกรรมอาหารระยะยาว
นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างผันผวนมาก เพราะมีหลายปัจจัยเข้ามากระทบทั้งเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการใช้นโยบายดึงเม็ดเงินกลับจากระบบ (QT) ของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ปัญหาสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันที่มีความไม่แน่นอน ปัญหาต้นทุนการผลิตโลกที่สูงขึ้น รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทของไทย ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากในขณะนี้ เนื่องจากเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือ สกุลเงินในภูมิภาค หลังสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% และประกาศใช้นโยบายดูดกลับสภาพคล่องด้วยการลดงบดุล หรือ QT เดือนละ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน
“การที่เงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในมุมกลับกันก็อาจจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นความหวังที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ และถือเป็นโอกาสของผู้ส่งออกทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยางพารา ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารแปรรูป สินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมส่งออกอาหาร รวมถึงจะเป็นโอกาสของ “เอกา โกลบอล” ในฐานะผู้ผลิตและส่งออกบรรจุภัณฑ์อาหารด้วยเช่นกัน”
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมอาหารและบรรจุภัณฑ์ ยังมีประเด็นสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในอนาคตจากกรณีสหประชาชาติได้ออกมาเตือนว่าวิกฤตด้านอาหารปี 2565 มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นจากปีก่อนที่มีจำนวนผู้คนขาดแคลนอาหารในแต่ละวันพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สาเหตุมาจากผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และวิกฤตการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ รวมถึงวิกฤตเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด ทั้งนี้ “เอกา โกลบอล” จึงปรับกลยุทธ์ธุรกิจโดยคำนึงถึงและมุ่งเน้นสู่การเติบโตที่ยั่งยืน และมีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์โลกในอนาคตมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ ทุ่มเทกับงานด้านการวิจัยและพัฒนาสินค้า (R&D) เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทตอบโจทย์ลูกค้าอย่างสูงสุดในระยะยาว
อาทิ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) บรรจุภัณฑ์ Bioplastic (PLA) ที่ผลิตจากวัตถุดิบส่วนหนึ่งที่มาจากธรรมชาติ เช่น มันสัมปะหลัง ข้าวโพด หรือ อ้อย เป็นต้น 2) บรรจุภัณฑ์ Biodegradable ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติทั้งหมด และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ 3) บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (PCR) หรือ เรซิน รีไซเคิล
“ภาพรวมธุรกิจของเอกา โกลบอล ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ยังคงมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกตลาดทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นตลาดอเมริกา อินเดีย ยุโรป ญี่ปุ่น ไทย ฯลฯ ตามเทรนด์ความต้องการอาหารทั่วโลกที่ยังคงอยู่ในระดับที่สูงเหมือนในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด ดังนั้น จึงมั่นใจว่าตลอดทั้งปีนี้ บริษัทฯ จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 30-35% ตามเป้าหมาย”
สำหรับลูกค้าผู้สนใจบรรจุภัณฑ์ของ เอกา โกลบอล และต้องการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจบนเวทีโลก สามารถสอบถามรายละเอียดผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้ โดยตลอดเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน บริษัทฯ เตรียมร่วมงานแสดงสินค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ อาทิ Interzoo งานแสดงสินค้าสัตว์เลี้ยงที่ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 24-27 พฤษภาคม 2565, THAIFEX Anuga Asia 2022 งานแสดงสินค้าอาหารปี 2565 ระหว่างวันที่ 24 – 28 พฤษภาคม 2565 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ และอิมแพ็ค ฮอลล์ 11-12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี และ ProPak Asia 2022 งานแสดงสินค้าอุตสาหกรรม เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการผลิต แปรรูป และบรรจุภัณฑ์ ในวันที่ 15-18 มิถุนายน 2565 ณ ไบเทค บางนา เป็นต้น