แสนสิริ ตอกย้ำศักยภาพ 98 Wireless ผ่านทิศทางการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ไทย

แสนสิริ จัดงาน ‘Global Luxury Property Market Research 2017’ ณ โครงการ 98 WIRELESS เผยบทวิเคราะห์จากหลากหลายผลสำรวจที่มีความสอดคล้องกันจาก 4 เอเจนซี่ชั้นนำของไทย – ต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจาก Global Property Guide, Knight Frank, Numbeo และ PLUS Property (บริษัทพลัส พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด) ที่ยืนยันถึงศักยภาพของอสังหาริมทรัพย์ไทยที่โดดเด่น และดึงดูดกลุ่มลูกค้าจากทั่วโลก ซึ่งเป็นปัจจัยเกื้อหนุนตลาดต่างชาติให้ความสนใจโครงการ 98 WIRELESS โครงการแฟล็กชิพคอนโดมิเนียมที่ดีที่สุดในประเทศไทยและตะวันออกเฉียงใต้ โดยถือเป็นโอกาสสำคัญซึ่งหาได้ยากยิ่งที่เปรียบได้กับการได้ครอบครองผลงานศิลปะอันเปี่ยมคุณค่า

นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ใน Prime Area นับเป็นอีกทางเลือกในการลงทุนของบุคคลในระดับ Ultra-High Net worth Individual (UHNWI) หรือบุคคลธรรมดาที่มีสินทรัพย์สุทธิในระดับสูง ซึ่งแต่เดิมนักลงทุนต่างชาติหรือแม้แต่ในประเทศไทยกลุ่มนี้จะสนใจลงทุนในเมืองที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ ของโลก เพราะมีอัตรา Capital Appreciation ในแง่ของราคาของอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เปรียบเทียบให้เห็นภาพการเติบโตด้านราคาของห้องเพนเฮาส์ในเมืองสำคัญต่างๆ ในรอบ 5 ปี ระหว่าง 2011-2016 อาทิ ในมหานครนิวยอร์คที่อสังหาริมทรัพย์ที่ราคาสูงสุดราคาแตกต่างกันถึง 41% จาก 2,855,134 บาท/ตร.ม.เป็น 4,022,163 บาท/ตร.ม. เช่นเดียวกับในบริเวณ The Peak ฮ่องกง ที่ราคาเพิ่มขึ้นถึง 71% และในลอนดอนที่เพิ่มขึ้น 68% ในขณะที่ปัจจุบันประเทศไทย ได้กลายเป็นอีกหนึ่งประเทศที่นักลงทุนชาวต่างชาติสนใจ เห็นได้จากห้องเพนเฮาส์ที่มีราคาสูงสุดของโครงการ 98 WIRELESS มีราคาขายอยู่ที่ 666,666 บาท/ตร.ม. ซึ่งเป็นราคาที่สูงขึ้นถึง 65% เทียบจากห้องเพนเฮาส์ในโครงการที่ราคาสูงสุดในประเทศไทยในปี 2011 โดยทั้งสองโครงการอยู่ในย่าน CBD ของกรุงเทพมหานคร แสดงให้เห็นความสำคัญของปัจจัยด้านทำเลที่มีผลต่อราคา Capital Appreciation”

นายอุทัย กล่าวเสริมอีกว่า “เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยที่สำคัญต่อการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์สำหรับกลุ่มผู้ซื้อในตลาดต่างชาติ ประเทศไทยนับว่ามีความพร้อมอย่างรอบด้านเมื่อเทียบกับประเทศที่มีความโดดเด่นในด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งในแง่ทำเล ทั้งที่เป็นศูนย์กลางของอาเซียน ความพร้อมในระบบสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม สำหรับทั้งการอยู่อาศัยและการลงทุนภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีโครงการเปิดขายในตลาดมากกว่าประเทศอื่น ที่สำคัญคือ กฏหมายของไทยที่เอื้อต่อชาวต่างชาติในการซื้อขายและถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน นอกจากนี้เมื่อพิจารณาในภูมิภาคอาเซียน กรุงเทพฯ นับว่าเป็นเมืองที่มีทั้งอุปสงค์และอุปทานในตลาดอสังหาริมทรัพย์มากกว่าเมืองสำคัญอื่นๆ ทั้งหมด”

 

ทั้งนี้ข้อมูลจาก www.globalpropertyguide.com ระบุว่า ประเทศที่มีตลาดอสังหาริมทรัพย์สำคัญของโลก อย่างสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และในแถบเอเชีย อย่างสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง ต่างมีราคาอสังหาริมทรัพย์สูงกว่าไทยมาก ในอัตราเฉลี่ยตั้งแต่ 2-6 เท่า เมื่อพิจารณาในแง่การลงทุน ประเทศไทยจึงให้ความคุ้มค่ามากกว่า โดยเฉพาะในตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบนที่มีความต้องการและราคาเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มพัฒนาและเติบโตได้

เมื่อพิจารณาลึกลงมาที่อสังหาริมทรัพย์ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ในทำเลใจกลางเมือง ราคาต่อพื้นที่ของอสังหาริมทรัพย์ระดับนี้ จะต่ำกว่าในเมืองสำคัญอื่น ๆ ทั้งในเอเชียและทั่วโลก ยกตัวอย่าง 98 WIRELESS โครงการแฟล็กชิพคอนโดมิเนียมจากแสนสิริได้ชื่อว่าเป็นโครงการที่ดีที่สุดในประเทศไทยและตะวันออกเฉียงใต้ โดยเปรียบเทียบในราคา 70 ล้านบาท จะได้พื้นที่ขนาด 121 ตร.ม. ซึ่งเปรียบเทียบกับเมืองอื่นๆที่มูลค่าจำนวนเดียวกันนี้ จะสามารถซื้อห้องที่มีขนาดพื้นที่เล็กกว่า เทียบจากราคาเฉลี่ยคอนโดฯในเมืองอื่นๆในย่านศูนย์กลางธุรกิจใจกลางเมืองหรือ CBD ไม่ว่าจะเป็น ฮ่องกง (40 ตร.ม.) นิวยอร์ค (52 ตร.ม.) ลอนดอน 60 (ตร.ม.) สิงคโปร์ (86 ตร.ม.) และปักกิ่ง (116 ตร.ม.)

นอกจากนี้ ข้อมูลจาก www.realist.co.th ชี้ว่าเมื่อพื้นที่ที่เป็นทำเลทอง และมีที่ดินซึ่งสามารถพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้เหลือน้อยลง ราคาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์จะพุ่งขึ้นในอัตราสูง อาทิ ถนนวิทยุที่มีแนวโน้มการปรับราคาซื้อขายที่ดินสูงอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในฮ่องกง และสิงคโปร์ เห็นได้จากอัตราส่วนต่างกำไร (Capital Gain) ตั้งแต่ปี 2554 – 2558 ของที่ดินโซนวิทยุที่เติบโตขึ้นถึง 36% เพิ่มขึ้นจาก 1,400,000 บาท เป็น 1,900,000 บาทต่อตารางวา โดยล่าสุดได้มีความเคลื่อนไหวในการซื้อที่ดินสถานทูตอังกฤษ 25 ไร่ ที่ราคากว่า 2 ล้านบาทต่อตารางวา* นับเป็นสถิติมูลค่าการซื้อขายที่ดินที่สูงที่สุดในประเทศไทย สูงกว่าเมื่อเทียบกับทำเลใจกลางเมืองย่านอื่น ๆ ในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็น สุขุมวิทช่วงต้น สีลม สุขุมวิทโซนอโศก สุขุมวิทใกล้เอกมัย ที่ปัจจุบันมีราคา 1,850,000 บาท/ตารางวา 1,600,000 บาท/ตารางวา 1,100,000 บาท/ตารางวา และ 950,000 บาท/ตารางวา ตามลำดับ (*หมายเหตุ : อ้างอิงจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักงานใหญ่)

นอกจากเรื่องราคาที่ดินที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นายอุทัย ยังให้มุมมองเกี่ยวกับการมองเทรนด์อสังหาริมทรัพย์ในองค์รวมว่า “ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา คือตั้งแต่ปี 2557-2559 ราคาคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานคร ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ที่ราคามากกว่า 300,000 บาท/ตารางเมตร มีราคาเพิ่มขึ้นถึง 10% ซึ่งถือว่ามีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียมในเซ้กเม้นท์อื่นๆที่บวกมากสุดแค่ 2% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทำเลทองย่านเพลินจิตชิดลมที่คอนโดมิเนียมเซ้กเม้นต์นี้มีอัตราดูดซับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี จาก 4.36% ในปี 2556 เป็น 24.0% ในปี 2559 เมื่อเทียบกับสุขุมวิทที่ 19.73% หรือสีลมสาทรที่ 4.30% อย่างไรก็ตามส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลังสวน วิทยุ เป็นทำเลที่ผู้ซื้อต่างชาติคุ้นเคยเป็นอย่างดี ทั้งนี้ หากเริ่มพัฒนาโครงการต่างๆโดยใช้มาตรฐานและทำเลแบบเดียวกับ 98 WIRELESS ในวันนี้ จะต้องตั้งราคาขายอย่างน้อย 700,000 บาท/ตารางเมตร เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งปัจจัยราคาที่ดินที่บนถนนวิทยุที่เพิ่มจาก 1.5 เป็น 2.5 ล้านบาท/ตารางวา ผนวกกับต้นทุนด้านค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน รวมทั้ง ทรัพยากร และ งานศิลปะ บางอย่างที่ไม่สามารถหาได้แล้ว ซึ่งเมื่อดูเปรียบเทียบกับราคาขายเฉลี่ยของ 98 WIRELESS ปัจจุบันที่ 580,000 บาท/ตารางเมตร แล้วนักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์น่าจะได้รับผลกำไรจาก Capital Appreciation แน่นอน”

เหนือสิ่งอื่นใด ในฐานะโครงการที่ได้คัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดมาเพื่อมอบสุนทรียรสแห่งการใช้ชีวิตที่ละเมียดละไมสูงสุดแก่ผู้พักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ บนทำเลใจกลางเมืองที่หาได้ยากยิ่งและมีราคาสูงสุดในกรุงเทพฯ สะท้อนถึงความคุ้มค่าต่อการลงทุนในระยะยาว การออกแบบอันโดดเด่น และการบริการหลังการขายที่สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะกลุ่ม 98 WIRELESS จึงได้รับความสนใจและสร้างกระแสความต้องการจากผู้ซื้อในตลาดระดับบนทั่วโลก ซึ่งนิยมซื้อหาและสะสมอสังหาริมทรัพย์ที่มีความพิเศษโดดเด่น ทรงคุณค่า เปรียบได้กับผลงานศิลปะล้ำค่า วัตถุหายาก เพื่อประสบการณ์แห่งการพักอาศัยที่ดีที่สุด และเป็นมรดกล้ำค่าที่ส่งมอบไปสู่ลูกหลาน

โครงการ 98 WIRELESS ได้พัฒนาการออกแบบจากรูปแบบของงานสถาปัตยกรรม ที่ได้รับความนิยมตลอดกาลสำหรับโครงการที่พักอาศัยในเซ็กเมนต์นี้ คือการตีความของนิยามความหรูหราที่มีความคลาสสิคเหนือกาลเวลา พร้อมกับการผสมผสานวัสดุธรรมชาติเข้ากับเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างลงตัว ด้วยการสร้างสรรค์ขึ้นในสไตล์โบซาร์ (Beaux-Arts) ซึ่งผสมผสานกับความเรียบหรูของการออกแบบภายใน รวมถึงการคัดสรรวัสดุคุณภาพที่ดีที่สุดจากทุกมุมโลก การใช้บริษัทที่ปรึกษาและบริษัทดีไซน์ระดับโลกมากมาย และยังเป็นโครงการที่พักอาศัยแห่งแรกในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานตามหลักเกณฑ์การประเมินอาคารเขียวของสหรัฐอเมริกา (LEED: Leadership in Energy and Environmental Design)

ในด้านความคุ้มค่าต่อการลงทุน ลูกค้าในเซ็กเมนต์ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ส่วนใหญ่มักมีที่อยู่อาศัยหรืออสังหาริมทรัพย์มากกว่า 1 แห่ง ดังนั้น การซื้ออสังหาริมทรัพย์จึงเป็นมากกว่าการอยู่อาศัยหรือบ้านหลังที่สอง หรือบ้านสำหรับพักอาศัยในวันหยุดพักผ่อน แต่ยังถือเป็นการลงทุนในระยะยาวเพื่อส่งต่อเป็นมรดกล้ำค่าที่ส่งต่อไปสู่รุ่นต่อไปได้ นอกจากนี้ โครงการ 98 WIRELESS ยังมีความพิเศษตรงที่ผู้ซื้อสามารถถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ (Freehold) ซึ่งหาได้ยากมากบนถนนสายนี้อีกด้วย

และอีกปัจจัยสำคัญที่ขาดไม่ได้โครงการ 98 WIRELESS ได้นำเสนอการบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟในหลายรูปแบบซึ่งยังไม่เคยปรากฏมาก่อนในโครงการระดับซูเปอร์ลักชัวรีในเมืองสำคัญ ๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็นครั้งแรกกับบริการผู้ช่วยส่วนตัวประจำโครงการจาก Quintessentially ที่มีชื่อเสียงระดับโลก หรือรถ ‘เบนท์ลี่ย์’ ที่สั่งทำเป็นพิเศษ มาเพื่อเป็นรถลิมูซีนประจำโครงการให้ผู้พักอาศัยทุกยูนิตสามารถใช้บริการได้ บริการจอดรถแบบ Valet Parking รวมถึงที่จอดรถใต้ดินที่สามารถรองรับได้ถึง 240% และที่จอดรถสำหรับซูเปอร์คาร์โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีบริการลิฟต์ส่วนตัวพร้อมโถงลิฟท์สำหรับทุกยูนิต และระบบการควบคุมการสั่งงาน Home Automation และการบริการพิเศษอื่นๆ ภายใต้รูปแบบ Home Service Application

แสนสิริเชื่อว่าด้วยปัจจัยสนับสนุนด้านบวกทั้งจากแนวโน้มการเติบโตและศักยภาพของอสังหาริมทรัพย์ระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ของไทยในสายตานักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับความเป็น The Best Comes as Standard ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ของโครงการ 98 WIRELESS ที่มอบความเป็นเลิศในทุกบริบท จะช่วยให้แสนสิริมีความได้เปรียบในการแข่งขันบนเวทีระดับโลกในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับสากล พร้อมต่อยอดความสำเร็จในระดับโลกเพื่อให้บรรลุรายได้ 8,000 ล้านบาทจากตลาดต่างชาติที่ตั้งเป้าไว้สำหรับปีนี้ อีกทั้งโครงการ 98 WIRELESS ยังเป็นตัวสะท้อนถึงศักยภาพของโครงการระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ไทยที่มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับโลก ทั้งในด้านการอยู่อาศัยที่เหนือระดับและโอกาสในการเติบโตของการลงทุนระยะยาว