“แอสทิน เอสเตท” เผยโควิดดันตลาดอสังหาฯ แนวราบ
เตรียมเปิดลักชัวรี่ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศแบรนด์ใหม่ ตอบโจทย์ลูกค้าในเมือง
แอสทิน เอสเตท เผยโควิด-19 ดันความต้องการซื้ออสังหาฯ แนวราบ บวกอานิสงส์นโยบายปรับลดภาษีที่ดินฯ หนุนความต้องการซื้อบ้านไม่ลดลง โดยเฉพาะตลาดบนยังเติบโตต่อเนื่อง สบโอกาส “แอสทิน เอสเตท” ขยับทัพโครงการภายใต้การบริหาร 5,650 ล้านบาท ใน 4 แบรนด์ และอีก 1 แบรนด์ของบริษัทร่วมทุน โดยครึ่งปีหลังเตรียมเปิดโครงการแบรนด์ใหม่ เวอริทซ์ (Veritz) สาธุประดิษฐ์ 34 ลักชัวรี่ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น จำนวน 35 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 20.9-26 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท
นายพรชัย กฤษฎาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสทิน เอสเตท จำกัด บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มีประสบการณ์ในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากว่า 40 ปี มองทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2564 ที่ทั่วโลกและประเทศไทย ยังคงเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน และนำไปสู่การปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตรูปแบบใหม่ เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาฯ แนวราบ ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ที่ผู้ซื้ออสังหาฯ ให้ความนิยมซื้อโครงการแนวราบ เช่น บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ฯลฯ ที่มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าคอนโดมิเนียม เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลที่จะพักอาศัยในพื้นที่แคบ ๆ และอยู่ใกล้ชิดกับผู้อื่น ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19
“พฤติกรรมของผู้ซื้ออสังหาฯ เปลี่ยนอย่างชัดเจนนับตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด-19 ตลาดแนวราบได้รับความนิยมมากกว่าคอนโด เพราะผู้คนกลัวการอยู่ในพื้นที่แคบ ๆ และใกล้ชิดกับผู้อื่น หรือ แม้แต่การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตแบบใหม่ เช่น การทำงานที่บ้านแทนการเข้าออฟฟิศ ฯลฯ ล้วนเป็นปัจจัยกดดันตลาดคอนโด ที่มีพื้นที่น้อยได้รับความนิยมลดลงอย่างมีนัย แต่ส่งผลบวกต่อตลาดบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ได้รับความนิยมและเติบโตมากขึ้น นับตั้งแต่ปี 2563 และต่อเนื่องมาถึงปีนี้ ซึ่งตลาดเป็นของผู้ซื้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มตลาดพรีเมียม ที่ผู้ซื้อมีความสามารถเลือกซื้อโครงการคุณภาพในราคาที่เหมาะสมได้ ขณะเดียวกันตลาดอสังหาฯ แนวราบ ยังได้ผลบวกในเรื่องของภาษีที่ดินฯ ปรับลดลงกว่า 90% อีกด้วย”
นายพรชัย กล่าวว่า ในปี 2564 ซึ่งสถานการณ์อาจจะอยู่ภายใต้ความไม่แน่นอนจากการระบาดของโรคโควิด-19 จึงเป็นโอกาสให้บริษัทฯ ได้ศึกษาแนวทางการทำธุรกิจ และดำเนินการรีแบรนด์องค์กรใหม่จากแบรนด์เดิม “ภัทรา เอสเตท” สู่แบรนด์ใหม่ “แอสทิน เอสเตท” เพื่อสร้างจุดแข็งเสริมความแข็งแกร่งให้กับองค์กร และเตรียมความพร้อมสำหรับการมาของยุคดิจิทัล เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว โดยมุ่งขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมและดีไซน์ มุ่งสร้างโครงการอสังหาฯ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยยุคปัจจุบันให้ดี มีความเข้าใจผู้บริโภคมากขึ้น รวมถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการขยายตลาดอสังหาฯ สู่หลากหลายทำเลมากยิ่งขึ้น จากเดิมบริษัทฯ จะเป็นที่รู้จักของกลุ่มลูกค้า ทำเลของคนเมือง โดยเฉพาะย่านทำเลพระราม 3, สาธุประดิษฐ์ ฯลฯ
ปัจจุบัน แอสทิน เอสเตท มีโครงการภายใต้การบริหาร 5 แบรนด์ มูลค่ารวมกัน 5,650 ล้านบาท ในปี 2564 บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ ภายใต้แบรนด์ใหม่ที่เปิดตัวพร้อมกับการรีแบรนด์ ได้แก่ เวอริทซ์ (Veritz) สาธุประดิษฐ์ 34 ลักชัวรี่ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ 4 ชั้น จำนวน 35 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 20.9-26 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด ‘MAKE YOUR MARK MORE REMARKABLE’ เผยอัตลักษณ์แห่งการใช้ชีวิตที่เหนือกว่า ผ่านทุกช่วงเวลาของการอยู่อาศัยที่โดดเด่น ที่สุดของอุดมคติแห่งการพักผ่อนอันเงียบสงบ และบรรจบกับสุนทรียภาพแห่งความสุขเกินใครในทุก ๆ รายละเอียด ซึ่ง เวอริทซ์ (Veritz) สาธุประดิษฐ์ 34 เป็นหนึ่งในโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ มีความเงียบสงบในใจกลางเมือง และเชื่อมต่อย่านธุรกิจได้ง่ายที่สุด
ส่วนโครงการที่อยู่ภายใต้การพัฒนาของบริษัทฯ อื่น ๆ ได้แก่ โครงการ เดอะพณา (The Pana) เพชรเกษม-สาย 3 บ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น บนทำเลสะดวกสบายในทุกการเดินทางย่านเพชรเกษม-พุทธมณฑลสาย 3 รองรับเส้นทางคมนาคมเพื่อเข้าสู่ใจกลางเมืองอย่างรวดเร็ว และยังเชื่อมโยงโครงข่ายสำคัญเพื่อรองรับการเดินทางที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น ทั้งโครงการถนนเส้นพระเทพตัดใหม่ (พรานนก – พุทธมณฑลสาย 4) โครงการทางด่วนพิเศษศรีรัช – วงแหวนรอบนอก และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน บางซื่อ – ท่าพระและหัวลำโพง-บางแค
โครงการ บิซ แกลเลอเรีย (Biz Galleria) นวลจันทร์-เกษตรนวมินทร์ ออฟฟิศเรสิเดนซ์ สไตล์โมเดิร์นลักชัวรี่ ที่ใหญ่ที่สุด บน ถ.เกษตร-นวมินทร์ ความสมบูรณ์แบบของออฟฟิศเรสิเดนซ์ สไตล์โมเดิร์นลักชัวรี่ ผสมผสานการทำงานและการพักผ่อนที่เข้ากันอย่างลงตัว นอกจากนั้น ยังมีโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุน บริษัท ภัทรนันท์ แอสเซท จำกัด คือ โครงการ ไฮป์ (HYPE) สาทร-ธนบุรี คอนโดมิเนียมขนาด 8 ชั้น จำนวน 5 อาคาร รวม 911 ยูนิต แนวคิด ‘Urban Playground’ เปลี่ยนทุกวันธรรมดา (Basic Day) ให้เป็นวันแห่งความสนุก (Play Day) เพราะชีวิตมีหลากหลายด้าน “บ้าน” จึงเป็นที่ผ่อนคลายในแบบของผู้อยู่ คอนโดที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ชีวิตการออกแบบ “Go with The Flow” และยังมีโครงการบ้านแฝดอีกหนึ่งแบรนด์ที่อยู่ในแผนงาน เตรียมพร้อมจะเปิดตัวภายในปีนี้
“ประสบการณ์ในแวดวงอสังหาฯ ของบริษัทกว่า 40 ปี เราได้รับความไว้วางใจมาตลอดตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่ที่ได้วางรากฐานบริษัทมา วันนี้ แอสทิน เอสเตท ในรูปลักษณ์ใหม่ที่ทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมที่จะตอบโจทย์ลูกค้า และเรายังมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ยิ่งภายใต้สถานการณ์โควิด การคำนึงถึงโจทย์ความต้องการของลูกค้าจึงสำคัญ เพื่อให้ลูกบ้านที่อยู่อาศัยในโครงการได้รับสิ่งที่ดีที่สุด” นายพรชัย กล่าวทิ้งท้าย