สิงห์ เอสเตท เปิดตัวคอนโดโลว์ไรซ์หรู แบรนด์ใหม่ “EYSE “สุขุมวิท43 ขยายเซ็กเม้นท์ธุรกิจ หลังพบเทรนด์ตลาดคอนโดโลว์ไรซ์โต กำลังซื้อกลุ่มนี้ยังสดใส พร้อมเดินหน้าแผนลงทุนต่อเนื่องปีละ8,500 ล้านบาท
นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันยังคงเป็นกลุ่มดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ ที่มีสัดส่วนการพัฒนาโครงการถึง 80% โดยส่วนใหญ่เป็นประเภทคอนโดมิเนียมสำหรับกลุ่มลูกค้าระดับบนขึ้นไป ที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสินค้ากลุ่มนี้ยังคงได้รับความสนใจเป็นอย่างมากทั้งจากผู้ที่ซื้อเพื่อพักอาศัย และกลุ่มนักลงทุน
โดยทำเลที่มีศักยภาพที่จะพัฒนาโครงการค่อนข้างมีอยู่อย่างจำกัด ในปัจจุบันที่ดินที่ติดถนนใหญ่ หรือติดรถไฟฟ้ามีความต้องการสูง และราคาที่ดินยังมีการปรับตัวสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้แนวโน้มการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรซ์ในซอยบนทำเลใจกลางเมืองน่าจะมีการเปิดตัวเพิ่มขึ้น สิงห์ เอสเตท ได้มองเห็นโอกาสจากตลาดกลุ่มนี้ จึงได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรีโลว์ไรซ์ที่มีจุดเด่นในแง่ของความเป็นส่วนตัว พื้นที่ใช้สอยในห้องขนาดใหญ่ขึ้น และรองรับพฤติกรรมของลูกค้าที่เน้นการอยู่อาศัยจริง ภายใต้แบรนด์ใหม่ “EYSE” (อีส) เพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งกลุ่มคนไทยและต่างชาติ รวมถึงกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพ
“สัดส่วนของกลุ่มเป้าหมาย จะเน้นกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองโดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ตามช่วงอายุและไลฟ์สไตล์ คือ กลุ่มแรก Single Adult เป็นกลุ่มที่ต้องการคอนโดมิเนียมเพื่อที่อยู่อาศัยจริงๆ ห้องต้องมีขนาดพื้นที่กว้าง เพราะใช้เวลาอยู่บ้านมากกว่าใช้ชีวิตข้างนอก ชอบความเป็นส่วนตัว กลุ่มที่สองเป็นกลุ่ม Small Family ที่มองหาคอนโดมิเนียมเพื่อใช้ชีวิตในวันจันทร์ถึงศุกร์โดยไม่ต้องฝ่ารถติดเพื่อมาทำงานหรือส่งลูกเรียนในเมือง และกลุ่มที่สามคือ กลุ่ม Early Stage Retirees ที่เคยอยู่บ้านหลังใหญ่ๆ นอกเมือง แล้วเริ่มรู้สึกว่าบ้านเป็นภาระที่ต้องดูแล ไม่มีลูกหรือลูกแยกย้ายไปมีครอบครัวกันหมด จึงมองหาคอนโดมิเนียมที่เดินทางสะดวกเพื่อที่จะได้ไม่ต้องขับรถเข้ามาในเมืองบ่อยๆ ส่วนกลุ่มที่ซื้อเพื่อการลงทุนจะเน้นกลุ่มนักลงทุนที่มีลักษณะเป็น Thoughtful Investor หรือนักลงทุนที่ซื้ออสังหาฯที่มีคอนเซปท์โครงการที่ตนเองชอบ โดยจะซื้อโครงการไว้เพื่อทั้งอยู่อาศัยเองและสามารถขายต่อได้ด้วย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะลงทุนในระยะยาวมากกว่าลงทุนในระยะสั้น” นายณัฐวุฒิ กล่าวเพิ่มเติม
นางสาวผดาพร มูลศาสตร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวคิดของคอนโดมิเนียมลักชัวรีโลว์ไรซ์ของสิงห์ เอสเตท ภายใต้แบรนด์ “EYSE” (อีส) ทุกแห่งจะตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ที่มองหาโครงการคอนโดมิเนียมที่เป็น “Absolute Urban Retreat” หรือพื้นที่ผ่อนคลายใจกลางเมือง ที่มีองค์ประกอบตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัย (Safe) ความเป็นส่วนตัว (Private) ความผ่อนคลาย (Sanctuary) และความอบอุ่นเหมือนบ้าน (Like a House)
โดยทุกโครงการในแบรนด์ “EYSE” จะถูกพัฒนาภายใต้คอนเซปท์ “The Hidden Treasure” ที่มีองค์ประกอบคือ Hidden Gem Location ที่ตั้งโครงการที่มีความเฉพาะตัว เน้นความเป็นส่วนตัวสูง มีทำเลที่เงียบสงบ แต่อยู่ใจกลางเมือง เต็มไปด้วยความสะดวกสบายและไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ Hidden Life in Nature การออกแบบที่เน้นให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้ชีวิตผสานไปกับความเป็นธรรมชาติ สร้างความรู้สึกผ่อนคลายแม้อยู่ใจกลางเมือง Serve Everyone Hidden Needs ตอบโจทย์ความต้องการแบบปัจเจกของผู้อยู่อาศัย และสุดท้าย คือ Hidden Function in One Space การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้เป็น Multi-Function Facilities ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน แต่เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ เพื่อความสะดวกสบายสำหรับการอยู่อาศัย ไว้อย่างครบครัน
“โครงการแรกภายใต้แบรนด์ใหม่นี้ คือ “EYSE Sukhumvit 43” (อีส สุขุมวิท 43) มาพร้อมกับคอนเซปท์เฉพาะตัวโครงการคือ “Embrace Your Hidden Fascination หรือ ชีวิตชีวาในโลกส่วนตัว” ถ่ายทอด อารมณ์และไลฟ์สไตล์ในการอยู่อาศัย ผ่านงานศิลปะแบบ Contemporary Impressionism ที่แสดงถึงความสดใสและมีชีวิตชีวา สะท้อนถึงทุกๆ ช่วงเวลาที่มีความสุข โดยโครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 43 บนพื้นที่ 1.4 ไร่ เป็นคอนโดมิเนียมแนวราบความสูง 7 ชั้น จำนวน 2 อาคาร 107 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจุดเด่นของโครงการ คือ ทำเลที่ตั้งย่านพร้อมพงษ์ที่เรียกได้ว่าเป็นทำเลที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว เป็นย่าน Walking community ที่ทันสมัยมากที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เพราะเป็นย่านที่มีความเป็นศูนย์กลางธุรกิจ ศูนย์กลางของการช้อปปิ้ง และไลฟ์สไตล์ รวมถึงที่พักอาศัยในระดับลักชัวรี อีกทั้งยังมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่เปรียบเสมือนปอดของคนสุขุมวิท และยังสะดวกสบายในการเดินทาง โดยทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ในซอยสุขุมวิท 43 เป็นซอยที่เงียบสงบและรายล้อมด้วยเพื่อนบ้านคุณภาพ แต่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์ และศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์เพียง 550 เมตร จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการทั้งความเงียบสงบและความเป็นส่วนตัวและความมีชีวิตชีวาของไลฟ์สไตล์ใจกลางเมือง
โครงการถูกออกแบบให้ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดกับความเป็นธรรมชาติ และเต็มไปด้วยประโยชน์ใช้สอย การออกแบบอย่างพิถีพิถันที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ด้วยจำนวนยูนิตที่มีเพียง 107 ยูนิต ขนาดห้องที่กว้างกว่าคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าในราคาที่เท่ากันประกอบด้วย ห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 52.25-54.50 ตารางเมตร ห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 62.50-94.75 ตารางเมตร และขนาด 99.50-99.75 ตารางเมตร พร้อมที่จอดรถประจำทุกยูนิต นอกจากนั้น ลูกค้าที่ซื้อโครงการฯยังสามารถเลือก Customized Option ของ Layout และเลือกสีของวัสดุมาตรฐานภายในห้องชุดได้ตามความชอบ และที่สำคัญการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้เป็น Multi-Function Facilities ผสานอารมณ์ความเป็น “บ้าน” ที่ซ่อนฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ให้สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลาย และยังเพิ่มโอกาสการพบปะกันเพื่อก่อให้เกิดสังคมของผู้อยู่อาศัยในโครงการด้วย” น.ส.ผดาพร กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวสรุปว่า ปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอของธุรกิจที่พักอาศัยของสิงห์ เอสเตท ในส่วนของคอนโดมิเนียมประเภทลักชัวรีนับว่ามีครบทั้งแนวสูงและแนวราบ โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ THE ESSE (ดิ เอส) ไปแล้วทั้งสิ้น 3 โครงการ ได้แก่ THE ESSE Asoke (ดิ เอส อโศก) THE ESSE at SINGHA COMPLEX (ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์) และ THE ESSE Sukhumvit 36 (ดิ เอส สุขุมวิท 36) มูลค่าโครงการรวมแล้วกว่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ เนื่องจากเป็นโครงการระดับลักชัวรีที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างตรงใจ ด้วยยอดขายรวมประมาณ 80% ทั้งหมดนับเป็นความสำเร็จก้าวสำคัญที่ทำให้เกิดโครงการใหม่ล่าสุดอย่าง EYSE Sukhumvit 43 (อีส สุขุมวิท 43) ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ช่วยเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอของธุรกิจ และเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้น โดยคาดการณ์ยอดขายหลังเปิดโครงการไว้ที่ 50% ทั้งนี้ ในอนาคต สิงห์ เอสเตท ยังคงมีแผนที่จะลงทุนพัฒนาโครงการใหม่อย่างน้อยปีละ 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 8,500 ล้านบาทต่อปี ในทำเลที่มีศักยภาพทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยยังคงเน้นการทำตลาดลักชัวรี เจาะกลุ่มเป้าหมายทั้งอาศัยอยู่เองและกลุ่มนักลงทุน
โครงการ EYSE Sukhumvit 43 ราคาเริ่มต้นต่อยูนิตอยู่ที่ 13.99 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 4/2561 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/2563
ในอนาคต สิงห์ เอสเตท ยังคงมีแผนที่จะลงทุนพัฒนาโครงการใหม่อย่างน้อยปีละ 3 โครงการ มูลค่ารวม 8,500 ล้านบาทต่อปี ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยยังคงเน้นการทำตลาดลักชัวรี เจาะกลุ่มเป้าหมายทั้งอยู่อาศัยเองและกลุ่มนักลงทุน