“แสนสิริ” ไต่สู่ “อสังหาฯระดับโลก”
“แสนสิริ” หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยรายใหญ่ ที่มีการลงทุน”โครงการที่อยู่อาศัย” มูลค่าหลายหมื่นล้าน ในแต่ละปี ท่ามกลางกระแสคลื่นการเปลี่ยนแปลง การเข้ามาของเทคโนโลยี สามารถเชื่อมต่อการอยู่อาศัยเข้ากับโลกดิจิตอล ทำให้อะไรหลายๆ อย่าง ได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว โลกที่กว้างใหญ่กลับเล็กลง ทำให้เครือ”แสนสิริ” วางยุทธศาสตร์ใหม่ ภายใต้แผนงาน “Sansiri Transformation “เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโต พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก
อภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ฉายถึงมุมมอง ก้าวแห่งการเปลี่ยนผ่านของแสนสิริ ภายใต้แผนงาน “Sansiri Transformation ” ที่มุ่งวางระบบการเปลี่ยนแปลงองค์กรอย่างเต็มรูปแบบ นับเป็นการจัดทัพครั้งใหญ่ของแสนสิริ ทั้งทีมผู้บริหารและการดำเนินงานภายในองค์กร ไม่เพียงเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง แต่เพื่อเป้าหมายใหม่…ก้าวสู่”บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ในระดับโลก” ด้วยโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ
“แสนสิริ เราต้องก้าวเติบโตไปข้างหน้าตลอดเวลา พัฒนาตัวเองให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ใช้เทคโนโลยีเข้ามาเสริม หากไม่ปรับเปลี่ยนเหมือนไดโนเสาร์ตายไป เพราะแสนสิริ ไม่ใช่เพียงเป็นผู้เล่นที่ให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศเท่านั้น แต่เราวางเป้าหมายมุ่งสู่เป็นผู้เล่นตลาดระดับโลก ซึ่งมีศักยภาพการเติบโตสูง “
การที่ก้าวไปสู่จุดหมายนั้น จึงทำให้ แสนสิริ ต้องลุกขึ้นมา”ปฎิวัติองค์กรในเชิงรุก” ตั้งทีมผู้บริหารที่เชี่ยวชาญ แต่ละแผนกมาดำเนินงานและขับเคลื่อนองค์กร วางกลยุทธ์ทรานฟอร์เมชั่น 4 ด้าน ประกอบด้วย การเงิน มอบหมายให้ขุนพลคนสำคัญ นายวันจักร์ บุรณศิริ เป็นหนึ่งในผู้บริหารที่ร่วมก่อตั้งแสนสิริ ดูแลข้อมูลการเงิน เพื่อบริหารการเงินในเชิงลึก และผลักดันให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน
ทางด้านการบริหารการพัฒนาโครงการ ได้ขุนพลฝีมือดีอย่าง นายอุทัย อุทัยแสงสุข ซึ่งร่วมงานกับแสนมากกว่า 22 ปี จะดูแลด้าน Project Transformation บริหารพัฒนาโครงการปัจจุบันและอนาคต ขณะนี้มีโครงการดูแลกว่า 100 โครงการทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการมองหาโอกาสและนวัตกรรมทางธุรกิจใหม่ๆ ด้านอสังหาฯ ที่มีความเชื่อมโยงกับธุรกิจหลักของกลุ่มแสนสิริ
พร้อมกันนี้โครงสร้างผู้บริหารได้เพิ่มมืออาชีพในวงการตลาด และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเทคโนโลยี เสริมทัพร่วมขับเคลื่อนธุรกิจ โดยเฉพาะด้านการบริหารกลยุทธ์การตลาด ได้นางอรุณภรณ์ ลิ่มสกุล ผู้มีประสบการณ์ด้านการตลาดกว่า 23 ปี สายงานการตลาดที่หลากหลาย ทั้งโทรคมนาคม การธนาคาร รวมถึงธุรกิจค้าปลีก และยังเป็นกูรูในด้านการสร้าง “Customer Engagement” ซึ่งเป็นอีกขั้นของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า(CRM) ที่จะเข้ามาปูแผนกลยุทธ์การตลาดให้แสนสิริ มีความโดดเด่น แตกต่างเหนือกว่าผู้เล่นรายอื่นๆ
“การซื้อบ้านไม่ได้ซื้อแค่เวลาสั้นๆ แต่อยู่ไปอีกหลาย10 ปี ทำอย่างไรให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีในการอยู่อาศัย เพื่อหวังว่าลูกค้าจะซื้อบ้านกับเราหลังต่อๆไป รวมถึงการช่วยบอกต่อ เราจึงต้องลุกขึ้นมาให้ความสำคัญ แบ่งแยก Segmentation ของลูกค้าให้ชัดเจน สร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีแตกต่างจากลูกค้ากลุ่มอื่นๆ การทำตลาดแบ่งเซกเมนเตชั่น เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ทำให้กำหนดกลยุทธ์การดูแลลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้แสนสิริเป็นบริษัทอสังหาฯผู้นำด้านการดูแลลูกค้า ปัจจุบันวงการอสังหาฯยังไม่มีใครเป็นผู้นำในเรื่องนี้” อภิชาติกล่าว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าของแสนสิริ ซึ่งมีความหลากหลาย ทั้งลูกค้าคนไทยและต่างชาติ ไม่ใช่แค่ซื้อที่อยู่อาศัย ซื้อเพื่อลงทุน จึงต้องดูแลลูกค้าทุกกลุ่ม ด้วยการใช้กลยุทธ์ “Customer Living Experience” เพราะการซื้อที่อยู่อาศัยไม่ได้จบแค่ได้บ้าน แต่ต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับมุมมองด้านไลฟ์สไตล์ และความต้องการของลูกค้า (Customer-centric) รวมทั้งเน้นการใช้สื่อดิจิทัลในการสื่อสารกับลูกค้า ทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ตรงกลุ่มและหลากหลายมากขึ้น ทั้งผู้บริโภคในไทยและต่างประเทศ
พร้อมทั้งด้านบริหารเทคโนโลยีดิจิทัล ได้มือดีอย่าง นายวิชา ตระกูลยิ่งยง เป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ทำงานในสายไอที ในองค์กรขนาดใหญ่ทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจรีเทล มาดูแลด้าน Technology Transformation มุ่งเน้นบริหารที่ครอบคลุมทั้งเทคโนโลยีด้านอสังหาฯและการอยู่อาศัย
เพราะด้วยไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่เปลี่ยนไปสู่ยุค “ดิจิทัล ไลฟ์สไตล์” จึงมีการต่อยอดในการสร้างความเข้าใจลูกค้า ด้านข้อมูลในเชิงรุก รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้สร้างจุดขายและสร้างความแตกต่างในตลาดอสังหาฯ
อภิชาติ กล่าวทิ้งทายว่า กลยุทธ์ทรานส์ฟอร์เมชั่น จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายทั้งยอดขายได้ และเป็นที่ยอมรับในตลาดระดับโลก นับตั้งแต่ปี 2557 รุกหนักตลาดต่างประเทศ สร้างยอดขายเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ที่เริ่มจากยอดขาย 1,492 ล้านบาท ในปี 2559 ยอดขายอยู่ที่ 5,418 ล้านบาท และในปีนี้ ตั้งเป้ายอดขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น 8,000 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 12,000 ล้านบาทภายใน 5 ปี ตลาดหลัก คือ ฮ่องกง จีน ไต้หวัน และเปิดสำนักงานใหม่ 3 แห่งในจีน เซินเจิ้น กวางเจา เซี่ยงไฮ้
ตลอดจน การจับมือ”พันธมิตรทุนญี่ปุ่น” อย่าง บริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้พัฒนาและให้บริการระบบรถไฟฟ้าเขตชานเมืองโตเกียว และอสังหาฯ จะทำให้แสนสิริ ได้ทั้งโนว์ฮาวทางด้านการทำตลาด และการขยายฐานลูกค้าญี่ปุ่น เร่งการต่อจิ๊กซอว์ การสร้างแบรนด์แสนสิริก้าวสู่องค์กรอินเตอร์เนชั่นแนลได้เร็วยิ่งขึ้น
บทความและเรียบเรียงโดย : กัญสุชญา สุวรรณคร (บรรณาธิการข่าว PropDNA)