ด้วยเป้าหมายจะต้องเติบโตในทุกๆปี การขยายการลงทุนโครงการใหม่ๆ อาจจะสร้างการเติบโตได้ไม่มากเพียงพอ จำเป็นต้องสร้างสรรค์โมเดลธุรกิจใหม่ๆ และสร้างตลาดใหม่ ในยุคที่ผู้บริโภครุ่นใหม่ มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีความต้องการที่แตกต่างกันออกไป และมีความเฉพาะตัวตนมากยิ่งขึ้น ดังนั้น “การสร้างตลาดใหม่ ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ด้วยแบรนด์ใหม่ๆ” จึงเป็นอีกเครื่องมือสำคัญในสร้างเสตปการเติบโตได้ดียิ่งขึ้น
เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นับเป็นก้าวใหม่ของเสนาฯ ในการขยายฐานธุรกิจเข้าสู่ตลาดลักชัวรี่อย่างเต็มตัว เพื่อขยายสู่กลุ่มลูกค้าเซกเมนต์ใหม่ ซึ่งเป็นตลาดมีการเติบโตที่ดี จากเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เสนา ได้ขยายไปในตลาดระดับไฮเอนด์ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี ในวันนี้เสนาฯพร้อมจะขยายสู่เซกเม้นท์ใหม่ที่สูงขึ้น
“ตลาดลักชัวรี่ ของเสนาฯ อยู่ที่ระดับราคา 1.6-1.7 แสนนบาทต่อตร.ม. แม้ตลาดนี้จะมีผู้มีเล่นจำนวนมาก กว่าระดับราคา 2 แสนบาทต่อตร.ม.ขึ้นไป แต่เวทีนี้มีพื้นที่ให้เล่นมากกว่า อย่างไรก็ตาม เสนาฯยังโฟกัสตลาดระดับกลางบน ส่วนตลาดลักชัวรี่เป็นเพียงส่วนผสมหนึ่ง ปีหนึ่งอาจจะเปิด 2-3 โครงการเท่านั้น”
ทั้งนี้ การสู่ตลาดลักชัวรี่ ร่วมกับพันธมิตรจากญี่ปุ่น ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ปเปอร์เรชั่น เปิดตัวคอนโดมิเนียมร่วมทุนแบรนด์ใหม่ ปีติ (PITI) จะเป็นแบรนด์คอนโดมิเนียมที่รุกตลาดลักชัวรี่เป็นครั้งแรก โดยได้นำเอาหลักปรัชญาชีวิตจากแนวคิด “IKIGAI (อิคิไก)” ของญี่ปุ่น มาร่วมสร้างสรรค์เอกลักษณ์ทั้งมิติด้านฟังก์ชั่นและเติมเต็มมิติด้านสุนทรียศาสตร์ภายในโครงการให้กับลูกค้า
อิคิไก แปลความหมายได้ว่า เหตุผลในการตื่นขึ้นมา ซึ่งเป็นปรัชญาที่ลึกซึ้ง ในการทำให้ชีวิตมีคุณค่า จากการได้ทำในสิ่งที่ทำได้ดีมีความเชี่ยวชาญ เป็นสิ่งที่รัก สามารถสร้างรายได้ และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อคนอื่น หรือสังคม นั่นคือกรอบกว้างๆ ของคำว่า อิคิไก โดย เสนาฯ ได้นำเสนอในรูปแบบ การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่แท้จริง จะเป็นเหตุผลในการตื่นขึ้นมา และ Good living ที่ว่านี่แหละคือ ลักชัวรี่ในรูปแบบใหม่ (Good LIVING is the New Luxury)
นั่นคือนิยามของ “ปีติ” ที่เสนาจะต้องใส่ใจในทุกรายละเอียดของตัวโปรดักต์และบริการที่จะทำให้ลูกค้าได้ ปีติ ในการอยู่ลักชัวรี่คอนโดของเสนาฯ
ประเดิมเปิดโครงการแรกที่ เอกมัย(บริเวณซอยเอกมัย 26) เป็นโครงการร่วมทุนที่ 3 ภายใต้การร่วมทุนชื่อบริษัท เสนา ฮันคิว จำกัด มูลค่าโครงการรวม 5,000 ล้านบาท บนเนื้อที่ 4 ไร่เศษ ตั้งอยู่ใจกลางเอกมัย (ช่วงบริกกเวณซอยเอกมัย 26) โดยลักษณะเป็นอาคารสูง 37 ชั้น 1 อาคาร รวมทั้งหมด 897 ห้อง และร้านค้า 3 ยูนิต ราคาเริ่มที่ 4.45 ล้านบาท หรือ เฉลี่ยตารางเมตรละ 170,000 บาท
” เสนาฯยังมีความสนใจขยายธุรกิจไปยังโรงแรมและอาคารสำนักงานเพิ่มเติม เนื่องจาก ฮันคิว เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจดังกล่าว ทำให้เห็นโอกาสที่จะพัฒนาร่วมกันต่อไป อีกทั้งยังบริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในเขต EEC เบื้องต้นมีที่ดินใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จากปัจจุบันที่มีโครงการบ้านเดี่ยวอยู่แล้ว”
เกษรา มองภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยครึ่งปีหลัง 2561 ว่า มีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น โดยคาดว่าปีนี้จะมีอัตราการเติบโตได้ 3-5% ปัจจัยจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่ดีมานด์ระดับบนยังมีสัญญาณที่ดีและเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้ายังมีความต้องการสูงขึ้นทุกปี
“นับเป็นก้าวสำคัญของเสนากับการเปิดตลาดคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ และอีกหนึ่งความท้าทายของเสนา ทางบริษัทมีความพร้อมในหลายด้านและมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง อย่างบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ คอร์เปอร์เรชั่น พันธมิตรธุรกิจอันดับต้นๆของญี่ปุ่น โดยมีแผนพัฒนาโครงการร่วมกันปีนี้อย่างน้อย 7 โครงการ รวมมูลค่าสูงถึง 2.3 หมื่นล้านบาท”