เปิดกลยุทธ์ “ศุภาลัย” ปี61มัดใจตลาดยุค4.0
พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนแปลง “รุนแรงที่สุด รวดเร็วที่สุด”
“ศุภาลัย” ถือเป็นอีกบริษัทอสังหาฯ ที่สามารถสร้างการเติบโตอย่างโดดเด่นด้านยอดขายสูงถึง 27% ในปีที่ผ่านมา ล่าสุดประกาศแผนปี 2561 ด้วยกลยุทธ์ “Sustainnable Growth 2018” กระจายความเสี่ยงการลงทุน ทั้งแนวราบ คอนโดมิเนียม และรายได้การให้เช่า พร้อมมั่นใจจะเป็นปีสร้างสถิติสูงสุด( High Record) ในทุกด้าน ทั้งยอดขายและรายได้
ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจของศุภาลัยในปี 2561 จะเดินหน้ากลยุทธ์ “Sustainble Growht” การเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งด้านยอดขาย กำไร สินทรัพย์ โดยตั้งเป้าหมายการเติบโต 15-20% ต่อปี การเติบโตแบบยั่งยืนได้ ด้วยวิธีกระจายการลงทุนไปในหลากหลายรูปแบบ ทั้งแนวราบ คอนโดมิเนียม และรายได้การให้เช่า
“ตอนนี้ศุภาลัยเติบโตแบบเต็มตัว วิธีทำให้การเติบโตได้อย่างยั่งยืน ต้องกระจายการลงทุนหลากหลายรูปแบบ ทั้งบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม และขยายการลงทุนทางด้านให้เช่า (recurring income) จะทำเพิ่มอีก เช่น ประมูลที่ดินสถานที่ออสเตรเลีย ส่วนหนึ่งจะพัฒนาเป็นสำนักงานให้เช่า ศูนย์การค้า พร้อมทั้งกระจายลงทุนไปหัวเมืองต่างจังหวัด เรานับเป็นบริษัทที่มีการลงทุนต่างจังหวัดมากที่สุด ปัจจุบันมีการพัฒนาไปแล้ว 11 จังหวัด คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 29% และมีแผนขยายจังหวัดใหม่เรื่อยๆ เช่น เชียงราย และในต่างจังหวัดยังมีที่ดินไม่ได้พัฒนาอีก เช่น ประจวบขีรีขันธ์ ลำพูน อยุธยา
ขณะเดียวกัน บริษัทมุ่งเน้นการขยายตลาดในต่างประเทศ เช่น การร่วมทุนกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งปัจจุบันมีการลงทุนไปแล้ว 6 โครงการ และกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในประเทศอาเซียน
พร้อมทั้ง บริษัทได้มีการปรับตัวเพื่อให้พร้อมก้าวเข้าสู่อสังหาริมทรัพย์ยุค 4.0 ได้แก่ 1.การเปิดตัวโครงการ จะเห็นการพัฒนาโครงการบิ๊กโปรเจค ในรูปแบบมิกซ์ยูสครั้งแรก บนที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย บนถนนสาทร ภายใต้ชื่อโครงการ “ศุภาลัย ไอคอน” มูลค่าประมาณ 18,000-20,000 ล้านบาท 2.สินค้าและผลิตภัณฑ์ จะมีการพัฒนาแบบบ้านรูปแบบใหม่ภายใต้แบรนด์ใหม่คือ Essence ตั้งอยู่ย่านลาดพร้าว 107 เป็นโครงการแนวราบใกล้เมืองโครงการแรก มีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม 3.กิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขาย ผ่านการใช้สื่อออนไลน์อย่างเข้มข้นผ่านช่องทาง Facebook, Line, Instragram และเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อสื่อสารถึงลูกค้าเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว 4.จะมีการเปิดตลาดเพื่อลงทุนในต่างประเทศ 5.การให้บริการลูกค้า ซึ่งบริษัทเตรียมศูนย์ปฏิบัติการ 1720 Supalai Contact Center
ในปีนี้วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 35 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 30 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่าราว 18,000-19,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขาย 33,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ประมาณ 26,000 ล้านบาท
ศุภาลัยมองเป้าหมายยอดขายเป็นหลัก ขณะที่แต่ละปีมองรายได้ไปข้างหน้าอย่างน้อย 2 ปี โดยใช้ยอดขายเป็นตัวบ่งบอกการเติบโต แต่ในที่สุดแล้วรายได้จะเติบโตไปพร้อมกับยอดขาย
“เราจะโตได้อย่างไร ได้ยินมาตลอดที่เรามียอดขาย 4,000-5,000 ล้านบาท มีคนบอกว่าทุกคนเมื่อยอดขายแตะหมื่นล้านแล้วจะมีปัญหาการเติบโต แล้วเมื่อยอดขายเราโตทะลุ 12,000-13,000 ล้านบาท และมีคนกล่าวว่าเมื่อยอดขายถึง 2 หมื่นล้านก็จะตัน แล้วเราก็โตมาถึงกว่า 2 หมื่นล้านบาท มีคนบอกอีกว่า บริษัทมียอดขายโตเกิน 3 หมื่น จะมีอัตราการเติบโตที่ดีได้ แต่ปีที่แล้วศุภาลัย มียอดขายเติบโตทะลุเป้า 27,000 ล้านบาท ไปอยู่ที่ 30,300 ล้านบาท เราไม่สามารถทำได้แน่ ถ้าทำเหมือนรูปแบบเดิมๆอยู่ กล่าวคือ บริษัทต้องมองไปข้างหน้า เตรียมความพร้อมสำหรับการเติบโตตลอดเวลา”
มองว่าจะทำอย่างไรให้ได้ตามนั้น ปรับพัฒนารูปแบบการดีไซน์บ้าน จะเห็นการเปลี่ยนแปลงมาตลอดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และปีนี้มีการพัฒนาแบบบ้านใหม่เพิ่มอีก ฟังก์ชั่นในคอนโดมิเนียม รูปลักษณ์ภายนอก จะมีการพัฒนาเพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
“ช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคมากที่สุด รุนแรงที่สุด รวดเร็วที่สุด เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา10-20 ปีที่ผ่านมา เพราะโซเซียลมีเดีย ทำให้คนมีความต้องการแตกต่างกันชัดเจนมากขึ้น รวมเป็นกลุ่มก้อนมากขึ้น มีมุมความชอบของตัวเองชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ต้องทำมากที่สุด การพยายามตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปให้ทัน”
และอีกสิ่ง การพัฒนาระบบการทำงาน ถึงแม้ว่าสินค้าจะดีแค่ไหน ถ้าบริการส่งมอบ ระบบการทำงานไม่ตอบรับ ไม่เร็วทันใจ ไม่ถูกใจลูกค้า ก็ทำให้เราดีขึ้นไม่ได้ ตอนนี้ด้านระบบมีการลงทุน ที่เกี่ยวข้องการขาย ทำให้บริการลูกค้าดียิ่งขึ้น ขณะนี้อยู่ช่วงการลงทุนพัฒนา ทำอย่างไรให้ระบบก่อสร้างมีระบบระเบียบมากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่เพียงแค่นั้น ทำอย่างไรที่ลดกระบวนการทำงาน เชื่อมต่อกับธนาคารให้ดีขึ้น เมื่อลูกค้าต้องการยื่นกู้
อีกทั้ง การเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ การเติบโตแนวหนึ่ง คือเพิ่มจำนวนโครงการ สิ่งทำอยู่เดิมๆ เพิ่มทำเลทำตลอดอย่างต่อเนื่อง อีกส่วนเซกเมนเตชั่นลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป จากเดิม ทำแนวราบ ในทำเลไกลเมือง จับกลุ่มลูกค้า 3-7 ล้านบาทเป็นหลัก เริ่มขยายมาทำตลาด 10 ล้านบาทมากขึ้น
ไตรเตชะ มองภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ไนปี 2561 คาดจะมีแนวโน้มเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้นมากกว่าปีก่อน จากปัจจัยการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัว ประกอบกับการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่มีการลงทุนต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นและเริ่มกลับมาสู่การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย สำหรับตลาดในกลุ่มระดับบน มองว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการแข่งขันด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่นำมาช่วยในกระบวนการผลิต หรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์รูปแบบการอยู่อาศัยในยุคตลาด 4.0
บทความและเรียบเรียงโดย : กัญสุชญา สุวรรณคร (บรรณาธิการข่าว PropDNA)